บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (Industrial Estate Sector) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่ายอดยื่นขอสิทธิประโยชน์ BOI ของไทย ในงวดเก้าเดือนแรกเพิ่มเป็น 5.17 แสนล้านบาท (+22%) จากการกลับมาเปิดประเทศ, การย้ายฐานการผลิตจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์, และกลยุทธ์การลงทุน 5 ปี กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนสูงที่สุด 40% ของยอดยื่นของ BOI อุปสงค์การลงทุนใน EEC คิดเป็น 45% ของยอดยื่น BOI ทั้งหมด โครงการใน จ.ชลบุรีคิดเป็น 64% ของโครงการทั้งหมดใน EEC

ยอดอนุมัติสิทธิประโยชน์ BOI งวดเก้าเดือนแรกอยู่ที่ 5.33แสนล้านบาท (+6%) อุปสงค์การลงทุนเน้นที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โครงการในจ.ระยอง และชลบุรีที่อยู่ในพื้นที่ EEC มีสัดส่วนสูงที่สุดคิดเป็น 53% และ 44% ของยอดอนุมัติ BOI ในพื้นที่ EEC ตามลำดับ

ยอดยื่นขอ BOI จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)งวดเก้าเดือนแรกเพิ่มเป็น 3.99 แสนล้านบาท (+43%) และคิดเป็น 77% ของยอดยื่นขอ BOI ทั้งหมด ขณะที่ยอดอนุมัติ BOIจาก FDI ในช่วงเดียวกันอยู่ที่ 3.80 แสนล้านบาท (+70%) คิดเป็น71% ของยอดอนุมัติ BOI ทั้งหมด การลงทุนจากจีน/สิงคโปร์/ญี่ปุ่นมีมูลค่ามาก

อุปสงค์การลงทุนที่แข็งแกร่งจะทำให้ยอดขายที่ดินแข็งแกร่งไปด้วย แต่เรามองว่ายังมีความท้าทายที่จะรักษาระดับ/ทำให้ยอดขายที่ดินดีขึ้นอีกในปีหน้า ยอดขายที่ดินงวด 9M66 ของ Amata Corporation (AMATA) และ WHA Corporation (WHA) อยู่ที่ 1,200 ไร่ และ 2,000 ไร่ตามลำดับ สูงกว่ายอดขายที่ดินเต็มปี 2565 ทำให้ยอดขายที่ดินปี 2566 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบสิบปีแต่การจะทำสถิติใหม่ในปี 2567 ยังท้าทาย หากยอดขายลดลงยอดโอนที่ดิน กำไรจะลดลงในปี 2568 ราคาหุ้นอาจมีโอกาสของการเข้าเก็งกำไรได้จากกระแสในปัจจุบันที่สนับสนุนความต้องการซื้อที่ดิน ในกรณีที่มีการให้ premium บน Valuation ของหุ้นมากขึ้นถึงระดับ +1.5S.D. และ 2.0 S.D จากปัจจุบันที่เราให้อยู่ที่ +1.0 S.Dราคาหุ้นของ AMATA และ WHA อาจมีจังหวะไปถึงราคา 30.0-32.0 บาท (สำหรับ AMATA) และ 5.9-6.4 บาท (สำหรับ WHA)

เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ Neutral และคงคำแนะนำหุ้น AMATA (ถือ ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท) และ WHA (ถือ ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท) เรามองว่ากำไรที่อาจจะเพิ่มขึ้นจากยอดโอนที่ดินที่สูงขึ้นจะเปิดโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้บ้าง

ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, เศรษฐกิจชะลอตัวลง,ภัยธรรมชาติ, การซื้อที่ดิน, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, เงินทุนไม่เพียงพอ