“รับผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซา”

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์หรือLH เราคาดพรีเซล 1Q68F ซบเซาอยู่ที่ราว 3.7 พันล้านบาท (-33% YoY และ -9% QoQ) ขณะที่ บริษัทผู้พัฒนาอสังหา ฯ ระดับบนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นกัน รายได้และกำไรLH น่าจะชะลอตัวลงด้วย เราคาดรายได้จากการขายบ้านที่ 3.55 พันล้านบาท (-20% YoY และ -8% QoQ) พร้อมคาด gross margin ที่ 24% อีกทั้งรายได้จากธุรกิจโรงแรมและบริการก็อาจลดลง QoQ หลังจากการขายศูนย์การค้า Terminal 21 ในช่วงปลายปี 2567 เราประมาณการค่าใช้จ่าย SG&A ต้นทุนการเงิน  ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมว่าจะทรงตัว QoQ สรุปกำไร 1Q68F น่าจะอยู่ราว 841 ล้านบาท (-32% YoY และ -68% QoQ)

ธุรกิจที่อยู่อาศัยน่าจะยังคงเผชิญความยากลำบากในเดือนเมษายน แต่ผลเชิงบวกจากมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) 100% กับการลดค่าธรรมเนียมการโอน/จดจำนองตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงน่าจะหนุนภาคอสังหา ฯ ได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง  LH วางแผนที่จะเปิดโครงการหรูหราอีก 3 โครงการมูลค่ารวม 1.12 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ลดลงจาก 3.0 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ขณะที่ โรงแรมเปิดใหม่ ที่ Grande Centre Point ลุมพินี ซึ่งเริ่มเดินหน้าแล้วในเดือนเมษายน จะค่อยๆ สร้างรายได้ตลอดทั้งปี  เรากำลังรอแผนของ LH ที่จะขายเงินลงทุนในอพาร์ตเมนต์ 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา มูลค่ารวม 381 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 หมื่นล้านบาท) ภายในกลางปี 2568 เบื้องต้นเราประเมินว่าจะได้รับกำไรจากการขายสินทรัพย์นี้ราว 1 พันล้านบาท

เราปรับลดประมาณการทั้งรายได้รวมและกำไรทั้งปี 2568F ลงราว 6% บนสมมติฐานว่าธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นตัวดี โดยที่กำไรสุทธิปี 2568F จะลดลง 10% YoY ก่อนที่จะฟื้นตัวเล็กน้อย 5% ในปีถัดไป ส่วนกำไร 1Q68F จะคิดเป็น 17% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

เราปรับลดราคาเป้าหมาย SOTP ลงใหม่ที่ 4.40 บาท (จากธุรกิจหลัก 0.40 บาท และพอร์ตการลงทุนอีก 4.00 บาท) โดยที่ เรายังคงคำแนะนำ “ถือ”

ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ โอกาสมีนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ การให้สินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้นท่ามกลางภาวะหนี้สิ้นภาคครัวเรือนสูงยืดเยื้อรวมทั้งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)