วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
“ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่นหรือ CRCเราคาดว่ากำไรปกติ1Q68F จะอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (-7% YoY, -21% QoQ) คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา กำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่กำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะ i) รายได้ equity income ลดลงหลังจากที่มีการแลกหุ้นกับ Grab Taxi Holdings (Thailand) Co., Ltd. และ ii) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมีน้ำหนักมากกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น 2% YoY จากการขยายสาขาห้าง และ อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20bps จาก product mix ที่ดีขึ้น
เนื่องจากสภาวะของการจับจ่ายใช้สอยไม่เอื้ออำนวย จึงคาดว่า same-store-sales ของทุกกลุ่มธุรกิจจะยังต่ำกว่าศูนย์ (ติดลบหลักเดียวต่ำ ๆ ถึงสิบต้น ๆ) ยกเว้นธุรกิจอาหารในไทย (คาดว่า SSSG จะเป็นบวกหลักเดียวต่ำ ๆ) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายจะเพิ่มประมาณ 10bps YoY เป็น 25.8% เพราะการใช้กลยุทธ์ private brand น่าจะชดเชยยอดขายที่เพิ่มจาก Go! Wholesales (ซึ่งปกติจะมี margin ต่ำกว่า) ได้
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ได้แก่ i) ความเสี่ยงด้าน downside ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากที่ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ1Q68 อยู่ที่ 9.5 ล้านคน (25% ของสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 38 ล้านคน) ii) ความเสี่ยงด้าน downside ของ GDP ประเทศไทย จากมาตรการภาษีของสหรัฐ เราคาดว่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI ประเมินว่าการที่สหรัฐเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเป็น 10% ภายหลังการยกเว้นภาษี 90 วัน จะกระทบกับ GDP ประเทศไทย ทำให้ GDP ขยายตัว 2.0% - 2.3% ลดลงจากประมาณเดิมที่ 2.6%
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เราจึงมองว่าเป้าอัตราการเติบโตของยอดขาย CRC ที่ 6-10% โดยที่ SSS ของทุกกลุ่มธุรกิจเป็นบวกดูท้าทาย เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F-2569F ลง 3% เพื่อสะท้อนถึงยอดขายที่ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจเราคาดว่ากำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 4% YoY ในปี 2568F และ 9% YoY ในปี 2569F เรายัง de-rate PER ของทุกกลุ่มธุรกิจลง โดย de-rate PER ของกลุ่มแฟชั่นลงจาก 22.0x (+1.0 SD) เหลือ 13.0x (-1.0 SD) เพื่อสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ไม่แน่นอนของสินค้าฟุ่มเฟือย และ ความเสี่ยงด้าน downside ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เรายัง de-rate PER ของกลุ่มอาหารลงจาก 26.0x (+0.5 SD) เหลือ 22.0x (-0.5 SD) เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการแข่งขันท่ามกลางภาวะการจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอ และ de-rate PER ของกลุ่ม hardline จาก 18.0x (ค่าเฉลี่ย) เหลือ 15.0x (-1.0 SD) เพื่อสะท้อนถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นโดยสรุปแล้ว เราปรับลด PER ถ่วงน้ำหนักลงเหลือ 17.0x จากเดิม 23.0x
เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 เหลือ 25.00 บาท จากเดิมที่ 35.00 บาท และ คงคำแนะนำ “ถือ”
ปัจจัยเสี่ยงจากการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ความนิยมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

ส่งออกปีหน้าเสี่ยงติดลบ สหรัฐตั้งกำแพงภาษีเพิ่ม-ค่าบาทแข็ง
สุดสลด! เครื่องบินท่องเที่ยวเล็กตกใน'เคนยา'ดับยกลำ 11 ศพ
‘นายอำเภอบางใหญ่’สั่งจับน้ำกระท่อมเปิดขายใกล้โรงเรียน ของกลางเพียบ
คน.เร่งดันราคาข้าวเปลือก ตั้งเป้าโรงสีรับซื้อเก็บสต็อค4ล้านตัน
‘อังคณา’ยก 3 ข้ออุ้ม‘นันทนา’ ลั่นข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง‘เกินจริง’ไม่ได้สัดส่วน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี