“คาดกำไรใน 3Q68F จะแข็งแกร่งขึ้น”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ PTGเราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q68F เนื่องจากคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันจะเพิ่มขึ้น โดยผู้บริหารคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในช่วง 1.70-1.80 บาท/ลิตร ดีขึ้น 2%-8% QoQ จาก 1.66 บาท/ลิตร ใน 2Q68 ซึ่งเป็นไปตามมุมมองของเราที่คาดว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลจะทยอยเพิ่มหลังจากที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันพลิกจากลบมาเป็นบวกได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2568
ผู้บริหารยังระบุว่าถ้าหากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันเป็นบวกได้ในช่วง 3-4 หมื่นล้านบาท เหมือนปี 2562-2563 กระทรวงพลังงานอาจพิจารณาผ่อนคลายความเข้มงวดการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันดีเซลลง ทั้งนี้เมื่ออิงจากกระแสเงินสดที่ไหลเข้ากองทุนประมาณสัปดาห์ละ 1.0 พันล้านบาท และยอดเกินดุลล่าสุดที่ 1.61 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 10 สิงหาคม เราประเมินว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันจะมีสถานะเป็นบวกเกิน 3 หมื่นล้านบาทได้ภายในอีกสามถึงสี่เดือนข้างหน้า เราคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ PTG จะลดลง 4%-6% QoQ จากปัจจัยฤดูกาลในช่วงหน้าฝนขณะเดียวกันเราคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จากยอดขายต่อร้านที่เพิ่มขึ้นของร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่เปิดใหม่ 295 ร้านใน 1H68 (+22% HoH) รวมถึงแผนที่จะขยายสาขาร้านเพิ่มอีก 305 ร้านใน 2H68F (+19% HoH)
ส่วนแบ่งตลาดปริมาณขายปลีกน้ำมันของ PTG ใน 2Q68 ทรงตัว QoQ อยู่ที่ 22.1% แม้การแข่งขันในตลาดจะเข้มข้น หลังจากที่ PTT Oil and Retail Business (OR)อัดโปรโมชันโดยให้ส่วนลด 0.50 บาท/ลิตร กับน้ำมันเบนซินทุกประเภทแก่สมาชิกบัตร Blue Plus+ ใน 2Q68 ซึ่งช่วยให้ส่วนแบ่งตลาด OR เพิ่มจาก 34.2% เป็น 34.6% ใน 2Q68 แต่ PTG ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ได้เพราะอานิสงส์จากบัตรสมาชิก PT Max Card Plus ซึ่งคิดค่าธรรมเนียมรายปี 599 บาท โดยให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิกหลายรายการ ทั้งส่วนลดในการเติมน้ำมัน 0.50 บาท/ลิตร (ไม่เกินเดือนละ 200 ลิตร) ส่วนลดเครื่องดื่ม 50% (ไม่เกินเดือนละ 10 แก้ว) PTG ตั้งเป้าจะเพิ่มสมาชิกบัตร PT Max Card Plus เป็น 1.5 ล้านรายภายในปี 2568F จากประมาณ 0.9-1.0 ล้านรายเมื่อสิ้นปี 2567
เรายังคงคำแนะนำซื้อ PTG โดยประเมินราคาเป้าหมาย 1H69F ที่ 8.50 บาทเราเชื่อว่าผลประกอบการที่คาดว่าจะดีขึ้นใน 3Q68F จะช่วยหนุนราคาหุ้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันดีเซลจะทยอยเพิ่มขึ้น หลังสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันพลิกจากขาดทุนมาเป็นเกินดุลตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 โดยเฉพาะใน 4Q68F ที่เราคาดว่าสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันมีสถานะเกินดุล 3-4 หมื่นล้านบาท อาจทำให้กระทรวงพลังงานพิจารณาผ่อนคลายความเข้มงวดในการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันดีเซลลง
ปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน, ปริมาณยอดขาย LPG, ปริมาณยอดขายไบโอดีเซล และยอดขายร้านสะดวกซื้อ Max Mart
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี