“ดีขึ้น แต่อาจจะยังไม่พอ”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้น บริษัทดูโฮม หรือ DOHOME ปัจจัยเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยน่าจะยังคงฉุดรั้งอุปสงค์ในภาพรวม ได้แก่ i) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่หกมาอยู่ที่ 51.7 ในเดือนกรกฎาคม 2568 ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ii) รายได้ภาคเกษตรของไทยที่หดตัวติดต่อกันมาสี่เดือนอยู่ที่ -5% YoY ในเดือนกรกฎาคม 2568ทำให้รายได้ภาคเกษตรงวด 7M68 หดตัว -1.4% YoY iii) การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลที่ช้าโดยอยู่ที่ 48.1% ในเดือนสิงหาคม 2568งช้ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 55%
same-store-sales (SSS) ของ DOHOME อ่อนแอลงอีกในเดือนสิงหาคม โดยติดลบในระดับสิบกลางๆจากที่ติดลบเพียงหลักเดียวสูงๆในเดือนกรกฎาคม (ทำให้ SSS ใน QTD ติดลบประมาณสิบต้น ๆ) ซึ่ง SSS ที่มีแนวโน้มแผ่วลงมาจากกลุ่ม back office (คิดเป็นสัดส่วนยอดขาย~50-51%) โดย SSS ใน QTD ติดลบในระดับสิบกลาง ๆ ถึงแม้ว่าบริษัทจะคาดเอาไว้อยู่แล้วว่าอุปสงค์ของกลุ่ม back office จะแผ่วเพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ แต่เราคาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลที่ต่ำกว่าในอดีตอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงผลกระทบจากการขาดเสถียรภาพทางการเมือง ทั้งนี้ จาก same-store-sales ที่อ่อนแอ และ ไตรมาสที่สามเป็นช่วง low season กำไรจึงอาจจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เราคาดว่าผลประกอบการใน 4Q68 อาจจะดีขึ้นบ้าง QoQ เพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล
ถึงแม้ว่าอุปสงค์อาจจะถูกฉุดรั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สดใส และ การเมืองไทยที่ขาดเสถียรภาพ แต่เราคาดว่าผลประกอบการ น่าจะถึงจุดต่ำสุดใน 3Q68 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นใน 4Q68 และ ในปี 2569F เรามองว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ขาดเสถียรภาพปัจจุบันน่าจะเลวร้ายที่สุดแล้ว และ กำลังจับตาการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ เราคาดว่างบลงทุนในปี FY2569 จะไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดเสถียรภาพทางการเมืองในปัจจุบันเพราะงบประมาณผ่านการอนุมัติไปแล้ว
เรา re-rate PER จาก 12.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -2.0 S.D) เป็น 15.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก -1.0 S.D) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มผลประกอบการที่มีแนวโน้มดีขึ้น เรายังคงให้ discount จากหุ้นอื่นในกลุ่มเพราะช่วงที่ผ่านมากำไรบริษัทไม่โต (กำไรลดลง -1.5% CAGR ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขาย +11.6% CAGR ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา)ขณะเดียวกัน งบดุลที่ตึงตัว (สัดส่วน IBD ต่อทุนอยู่ที่ 1.2X) เมื่อเทียบกับหุ้นอื่นในกลุ่ม (ของ HMPRO อยู่ที่ 0.6X และ ของ GLOBAL อยู่ที่ 0.4X) ทำให้แผนขยายสาขามีความเสี่ยง
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569F ที่ 3.50 บาท จากเดิม 2.70 บาท จึงยังคงคำแนะนำขาย โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือแผนการขยายสาขา และ ความผันผวนของอัตรากำไร
ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าที่วางแผนเอาไว้, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าค้างสต็อกเป็นจำนวนมาก
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี