กรณีผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการธนาคารอีแบงก์กิ้งบางส่วน ตระหนกตกใจจากเหตุ ธนาคารอายัดเงินในบัญชีจนรีบถอนเงินสดออกจากธนาคาร เพราะเกรงว่า ธุรกิจจะสะดุดหรือไม่มีเงินใช้จนแทบจะเกิดปรากฏการณ์ Bank Runหรือลูกค้าแห่ถอนเงินจากธนาคาร
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่เป็นที่ความสนใจของสังคมอย่างมาก เมื่อต้นเดือนกันยายน 2568ที่ผ่านมานี้ เพราะมีผู้ประกอบการรายย่อยหลายราย ได้โพสต์หรือลงข้อความบรรยายความเดือดร้อนลงในโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook จากการที่ได้รับชำระเงินจากลูกค้า ซึ่งซื้อสินค้า หรือใช้บริการ แล้วบัญชีถูกอายัด ทำให้ประสบปัญหาในการประกอบธุรกิจ เหตุดังกล่าวได้ถูกส่งต่อแพร่หลายจนกลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดีย
กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2568 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
กฎหมายนี้ได้ปรับปรุงและขยายขอบเขตการรับผิดชอบของภาคธุรกิจเช่น สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อรับมือกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนขึ้นโดยเฉพาะการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลและการหลอกลวงทางออนไลน์
กฎหมายนี้ยังได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) เป็นศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหา และมีกลไกให้ผู้เสียหายได้รับการคืนเงินอย่างรวดเร็วทำให้มีการอายัดเงินมิจฉาชีพจากบัญชีม้าได้เร็วขึ้น
การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน (ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)) และผู้ให้บริการเครือข่ายร่วมกับหน่วยงานปราบปราม(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.))และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมประสานงานกันในการอายัดเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพ โดยมีศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือ ศูนย์ AOC สายด่วน1441 มีบทบาทเป็นหน่วยงานกลางด้านข้อมูลบัญชีธนาคารต้องสงสัย โดยเมื่อ AOC ซึ่งทำงานโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) แจ้งบัญชีต้องสงสัย ธนาคารจะทำการอายัดบัญชีตามรายชื่อในหมาย H และอำนาจหน้าที่การถอนการอายัดเป็นอำนาจของกฎหมายฉบับนี้ มีบริบทกำหนดให้สถาบันการเงินและธนาคาร รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายต้องร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดแก่เจ้าของบัญชีที่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงมิจฉาชีพ และสามารถระงับบริการโทรคมนาคมและการปิดกั้นข้อมูลทันทีในกรณีที่พบการกระทำผิด รวมถึงสามารถประสานงานสถาบันการเงินหรือธนาคารผู้ดูแลบัญชี อายัดจำนวนเงินในบัญชีต้องสงสัย
ผู้ที่ถูกอายัดการทำธุรกรรมจะไม่สามารถดำเนินการใดๆกับ “วงเงิน” ที่ถูกอายัดเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้บัญชีของตนเองในการทำธุรกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากวงเงินนั้นได้ตามปกติ ทั้งนี้อำนาจพิจารณาปลดล็อกการอายัดวงเงินต้องสงสัย ตาม พ.ร.ก.ฯ ให้อำนาจศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.)
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ประชาชนที่เป็นเจ้าของบัญชีธนาคารและถูกอายัดตาม พ.ร.ก.ฯ มีข้อสงสัยว่า การอายัดนี้เป็นการอายัดเฉพาะยอดเงินที่ถูกต้องสงสัยว่า ได้รับโอนมาจากบัญชีม้าหรือถูกอายัดทั้งบัญชีกันแน่ เช่น กรณีที่โพสต์ลงใน Facebook ระบายความในใจ เจ้าของบัญชีธนาคารซึ่งเป็นผู้ประกอบการได้รับโอนเงินจำนวนต้องสงสัยจากลูกค้าจำนวนไม่มาก แค่ 100 กว่าบาท, 800 กว่าบาท, 10,000 กว่าบาท ทั้งที่เป็นจำนวนเงินไม่มาก กลับถูกอายัดการใช้บัญชีทั้งบัญชี ไม่ใช่เฉพาะยอดเงินในบัญชีที่ต้องสงสัย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนจากการประกอบธุรกิจ
จึงเป็นปัญหาคาใจว่า กรณีนี้อายัดเฉพาะยอดเงินในบัญชีต้องสงสัยทุกครั้ง ทุกกรณี จริงหรือ? หรือว่า ส่วนใหญ่แล้วอายัดบัญชีทั้งบัญชีเสมือนเป็นการเหวี่ยงแห สร้างความสับสนวุ่นวายเดือดร้อนไปทั่ว
แม้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้ออกมาชี้แจงตั้งแต่ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนถึงตัวผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเองว่า เป็นการอายัดเฉพาะยอดเงินในบัญชีที่ต้องสงสัยเท่านั้น
ประชาชนยังเกิดความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ดี เพราะประชาชนมีความรู้สึกว่า การอายัดทั้งบัญชี ซึ่งรวมเงินทั้งหมดในบัญชีสามารถดำเนินการได้ง่าย ส่วนการอายัดเฉพาะยอดเงินที่ต้องสงสัย จะต้องเตรียมการและมีความพร้อมพอสมควร เช่น จะต้องจัดทำอัลกอริทึมสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการควบคุม ตลอดจนปรับปรุงซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการนี้ซึ่งต้องใช้เวลาและความพร้อมพอสมควร
ตัวอย่างของประเทศที่นับว่าประสบความสำเร็จในการควบคุมบัญชีม้าอย่างได้ผล เช่น
ประเทศสิงคโปร์ ต้นแบบมาตรการธนาคารและผู้ให้บริการเครือข่ายร่วมรับผิดค่าเสียหายของเหยื่อตามพระราชกำหนดฯของไทย ที่ใช้ระบบการผูกบัญชีและธุรกรรมการเงินโดยจำกัดวงเงินควบคู่ไปกับระบบ Bank-Freeze Collaboration แบบ Real Time ระหว่างธนาคารและตำรวจ มีผลให้บัญชีม้าลดลงไปกว่าครึ่งธุรกรรมระหว่างธนาคารถูกระงับรวดเร็ว
ประเทศออสเตรเลีย ได้นำอัลกอริทึม AI/ML มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมธุรกรรมผิดปกติ และสามารถหยุดการโอนเงินต้องสงสัยขณะดำเนินธุรกรรม
แม้ว่า ยังเป็นข้อสงสัยในประเด็นที่การอายัดที่ผ่านมาเป็นการอายัดเฉพาะยอดเงินที่ต้องสงสัย หรืออายัดทั้งบัญชีกันแน่
แต่พระเอกที่สร้างความสนใจ ความสั่นสะเทือน จนเจ้าหน้าที่ต้องเรียงหน้าออกมาชี้แจง แล้วตระหนักให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กลับกลายเป็นโซเชียลมีเดีย พระเอกขี่ม้าขาวคนเดิม
ดร.รุจิระ บุนนาค
กรรมการผู้จัดการ
Marut Bunnag International Law Office
rujira_bunnag@yahoo.com
Twitter : @RujiraBunnag
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี