“ลุ้นแนวโน้ม 4Q68F จะดีขึ้น”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้งหรือ SCGP เราคงมุมมองที่สวนทางกับนักลงทุนส่วนใหญ่ทั้งตลาดจีน, ไทย, และอาเซียน ประการแรก คือ การนำเข้ากระดาษบรรจุภัณฑ์ของจีนเพิ่มเป็น 4.78 แสนตัน ในสิงหาคม 2568 (จาก 4.61 แสนตัน ในกรกฎาคม 2568 และปกติในอดีตที่ 8-9 แสนตัน) และราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ (packaging paper) ใน 3Q68 ก็แตะจุดต่ำสุดในรอบสองปีที่ US$373/ton ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ในกันยายน 2568 ในที่สุดก็กลับมาฟื้นตัวได้มีส่วนจากรัฐบาลชุดใหม่ ประเด็นดังกล่าวน่าจะชี้ว่าอุปสงค์กำลังจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดมากกว่าที่จะเป็นความเสี่ยงขาลงอีก ประการสุดท้าย ในที่สุดดัชนี PMI ภาคการผลิต (S&P Manufacturing PMI) ของอาเซียน (78% ของยอดขาย) กลับมาฟื้นตัวที่ 51.6 ใน กันยายน 2568 (จาก 51 ใน สิงหาคม 2568)ชี้ถึงการสั่งซื้อใหม่และการผลิตเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่การฟื้นตัวกำไรสุทธิของ Fajar ถูกเลื่อนช้าออกไปเป็นปี 2569 (จาก 4Q68F), sentiment ของตลาดยังคงกระตุ้นจากอุปสงค์ 3Q68 ที่คาดว่าชะลอตัว QoQ นั้นไม่เกิดขึ้น โดยนักลงทุนอาจมองไปใน 4Q68F เราคาดว่ากำไรจะกลับมาเพิ่มขึ้น QoQ, แผนการขึ้นราคาเป็นตัวขับเคลื่อนกำไรสอดคล้องกับ Indah Kiat (APP) (ผู้เล่นรายใหญ่สุดในอินโดนีเซีย) ที่จะปรับราคา, ปริมาณขายที่สูงขึ้นช่วงสิ้นปี และวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลง เราคงกำไรหลักปี 2568-2570F ที่เติบโต YoY ราว 1%/10%/9% เทียบกับตลาดที่ +5% / -4% / -7% เป็นเพราะสมมติฐานของเราค่อนข้างระมัดระวัง
วันที่ 28 ตุลาคมคาดว่า SCGP จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q68F ที่ 950 ล้านบาท (+65% YoY แต่ -6% QoQ) กำไรหลักที่ 970 ล้านบาท (+43% YoY แต่ -2% QoQ) ทำให้กำไรหลัก 9M68F จะอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท (-25% YoY) คิดเป็น 73% ของกำไรทั้งปีของเรา การที่กำไรหลักลดลง QoQ จะมาจาก i) ราคาขายเกือบทุกผลิตภัณฑ์ลดลง(ii) ผลงานของ Fajar อ่อนแอลง ตามการแข่งขันและเป็นช่วง low season แต่อย่างไรก็ดี นอกจาก Fajar ได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินที่ลดลง (200-300 ล้านบาทต่อปี, ตั้งแต่ กันยายน 2568), การรับรู้ต้นทุนกระดาษรีไซเคิล (RCP) ต่ำและเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีก 30% ใน Duy Tan (+150 ล้านบาทต่อปี, ตั้งแต่ มิถุนายน 2568) ช่วยรองรับผลเชิงลบได้บ้าง กำไร 3Q68F คาดพุ่งขึ้น YoY จากฐานต่ำและธุรกิจเยื่อและกระดาษไม่มีปิดซ่อมบำรุงแบบปีที่แล้ว
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2569F ที่ 22.00 บาท
ปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน, ความเสี่ยงด้อยค่าดีล M&A และความเสี่ยงของประเทศ
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี