แม้จะขยายดินแดนมาจนประชิดติดขอบแดนเผ่า ชาวอาณานิคมก็ไม่สนใจ แต่ยังคงขยับขยายอาณาเขตและที่ดินทำกินออกไปเรื่อยๆ อาณานิคมตลอดทั่วดินแดนนิวอิงแลนด์ขยายตัวจนมีประชากรมากมายถึงแปดหมื่นคน และมีเมืองทั้งหมดถึง 110 เมือง การแผ่ขยายอาณาเขตอาณานิคมอย่างไม่หยุดยั้งนี้ ทำให้เผ่าโพคาโนเคตตกอยู่ในวงล้อมของอาณานิคมพลีมัธโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ที่ดินในการเพาะปลูกยังกลายเป็นของชาวอาณานิคม ทำให้อินเดียนแดงไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย เมื่อไม่เหลือทางเลือกในชีวิต อินเดียนแดงจึงกลายเป็นทาสชาวอาณานิคมเพื่ออาหารและค่าจ้างเล็กน้อย นอกจากอินเดียนแดงต้องสูญเสียที่ดินทำกินแล้ว ยังสูญเสียเอกลักษณ์และความเชื่อทางศาสนาด้วย
ชาวอาณานิคมถือว่าตนเป็นผู้ที่พระเจ้าทรง “เลือก” จึงมองว่าอินเดียนแดงเป็นคนชั้นต่ำและป่าเถื่อน จึงบีบบังคับให้อินเดียนแดงหันมานับถือคริสต์ศาสนา หากอินเดียนแดงคนไหนขัดขืนก็จะถูกจับไปทรมาน มีการประกาศใช้กฎหมายสีน้ำเงิน (Blue Laws)
กฎหมายสีน้ำเงินเกี่ยวพันกับเรื่องความเชื่อในคริสตศาสนา เช่น ห้ามอินเดียนแดงล่าสัตว์หรือจับปลาในวันอาทิตย์ เพราะคริสเตียนถือว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้ทุกคนทำงานเป็นเวลา 6 วัน และกำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันหยุด จึงออกคำสั่งห้ามอินเดียนแดงไม่ให้ทำงานในวันอาทิตย์ ซึ่งไม่เป็นธรรมนักกับอินเดียนแดง เพราะพระเจ้าของอินเดียนแดงกับพระเจ้าของชาวอาณานิคมไม่ใช่พระเจ้าพระองค์เดียวกัน แต่ชาวอาณานิคมก็ยึดถือตามความพึงพอใจของตนฝ่ายเดียว โดยบีบบังคับให้อินเดียนแดงทำตาม
นอกจากนี้ยังสั่งห้ามไม่ให้อินเดียนแดงใช้ยาสมุนไพรตามที่เคยใช้กันมาในอดีต หรือแม้แต่การออกไปเต้นรำท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายตามที่เคยปฎิบัติก็ถือเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะขัดกับความเชื่อแบบคริสต์เตียน นี่คือบทเรียนที่ชาวอาณานิคมสอนให้อินเดียนแดงยอมรับในการนับถือศาสนาคริสต์
อินเดียนแดงจำนวนมากปฎิเสธ ไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อทางศาสนามาเป็นคริสต์เตียน จึงถูกชาวอาณานิคมฆ่าตายเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายคนจำใจต้องยอมรับพระเจ้าของคนผิวขาว เพราะไม่อยากถูกฆ่า พวกพิวกริมส์สร้างเมืองที่เรียกว่า “เมืองแห่งการภาวนา” ( Praying towns) ขึ้นมาเพื่อให้อินเดียนแดงที่ยอมเปลี่ยนมานับถือคริสต์เข้ามาอาศัย โดยละทิ้งกระโจมพักและครอบครัวไว้เบื้องหลัง
เมืองเหล่านี้มีทั้งหมด 14 แห่งกระจายอยู่ทั่วนิวอิงแลนด์ ในปี ค.ศ.1646-1675 อินเดียนแดงที่ยอมละทิ้งที่พักอาศัยในเผ่ามาอยู่ในเมืองนี้เรียกว่า สาธุชนอินเดียนแดง (Praying Indians) จอห์น เอลเลียต (John Eliot) เป็นมิชชันนารีพิวริตันที่สอนศาสนา หรืออีกนัยหนึ่งคือบังคับให้อินเดียนแดงศรัทธาในพระเจ้าแบบพิวริตันเป็นผู้สอนศาสนาให้อินเดียนแดงเหล่านี้ โดยมีการสอนศาสนาในเมืองโนนานตัม ( Nonantum) ปัจจุบันคือเมืองนิวตันในรัฐแมสซาชูเซตส์ อินเดียนแดงเผ่านิบมักคนหนึ่งชื่อ วาแบน (Waban) กลายเป็นอินเดียนแดงคนแรกที่นับถือศาสนาคริสต์
เหตุผลหลักที่พวกพิวกริมส์สร้างเมืองเหล่านี้ขึ้นมา คือเพื่อบีบให้อินเดียนแดงยกเลิกวิถีชีวิตและความเชื่อแบบอินเดียนแดง เพราะพวกพิวกริมส์มองว่าป่าเถื่อนล้าหลัง การจะกลายเป็นผู้เจริญและเป็นอารยชนได้ จะต้องนับถือในสิ่งเดียวกับที่พวกพิวกริมส์นับถือ นั่นคือพระเจ้าในคริสตศาสนา อินเดียนแดงที่กลายมาเป็นคริสเตียนจะต้องเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง นอกจากวิถีความเป็นอยู่แล้ว ยังต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนคนอังกฤษ รวมทั้งตัดผมยาวแบบชาวอินเดียนแดงออกด้วย
คิงส์ฟิลลิปคับแค้นใจมากที่เห็นชนเผ่าของตนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อีกทั้งรู้สึกโกรธแค้นที่พวกอาณานิคมไม่รักษาสัญญาที่เคยทำไว้เมื่อครั้งแมซซาซอยต์ จึงตัดสินใจทำสงครามกับชาวอาณานิคมเพื่อปกป้องเผ่าของตนจากการถูกข่มเหง
คิงส์ฟิลลิปไม่มีทางเลือกอื่น เพราะแผ่นดินของเผ่าถูกครอบครองโดยชาวอาณานิคม ประชากรในเผ่ากลายเป็นทาสและผู้รับใช้คนผิวขาว บ้างก็ถูกสังหารเพราะไม่ยอมเปลี่ยนศาสนามานับถือพระเจ้าของคนผิวขาว
การทำสงครามกับชาวอาณานิคมของคิงส์ฟิลลิปไม่ได้มีความหมายเพียงการแย่งชิงผืนดินทำกินอันเป็นผืนดินดั้งเดิมของเผ่าคืยจากคนผิวขาวเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงการกู้เกียรติและความภาคภูมิใจในความเป็นอินเดียนแดงกลับมาด้วย เพราะถูกชาวอาณานิคมข่มเหงจนแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆ คิงส์ฟิลลิปเขียนบันทึกไว้ว่า
“บรรพบุรษของข้าร่ำไห้และเรียกร้องให้ข้าแก้แค้น คนผิวขาวมาจากแผ่นดินที่ข้าไม่รู้จัก แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของเผ่าข้าไป ขโมยพืชพรรณธัญญาหารและรุกต้อนลูกหลานข้าไปสู่หลุมฝังศพ”
ในปี ค.ศ.1675 สงครามระหว่างคิงส์ฟิลลิปและชาวอาณานิคมเริ่มต้นขึ้น กินเวลายาวนานสามปีจนสิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1678 (โปรดอ่านต่อวันอังคารหน้า)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี