เป็นที่ตกตะลึงจนกลายเป็นเรื่องล้อเลียนกันไปทั่วว่า พระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง จ.นครปฐม และเจ้าคณะภาค 14 ถูกดำเนินคดีฐานยักยอกเงินวัด นำไปเล่นการพนันออนไลน์ ว่า “แย้ม 888”
ที่ตะลึงกว่า คือ มีเรื่องสีกา มาเกี่ยวข้องด้วย และยอดเงิน จาก 300 ล้าน ทะยานไปที่ 800 ล้าน และยังไม่มีข้อยุติ ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า มีสีกาชื่ออรัญญาวรรณ ซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมวัดไร่ขิง เป็นนายหน้า นำเงินเติมเข้าเว็บพนันออนไลน์ ให้เจ้าคุณแย้มเล่น มีคลิปอาบน้ำของเธอ อยู่ในมือถือของพระด้วย
1) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ชุดสืบสวนได้ส่ง “ผู้กองสายลับ” ปลอมตัวเป็นเด็กวัด แฝงตัวอยู่ภายในวัดนานถึง 8 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 เพื่อเก็บพยานหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่สายลับรายนี้ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในวัด ตั้งแต่ทำบุญ กวาดลานวัด สังเกตพฤติกรรม และรวบรวมหลักฐานกระทั่งยืนยันแน่ชัดว่ามีการโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส ก่อนถูกนำไปใช้แทงบาคาร่าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์พนันเป็นเงินจำนวนมาก และเป็น “ผู้กองสายลับ”คนนี้นี่เอง ที่ได้เป็นผู้อ่านหมายศาลในการเข้าตรวจค้นกุฏิอดีตเจ้าอาวาส รวมถึงสำนักงานเจ้าคณะภาค 14
2) นายชาตรี สุขถาวร หนึ่งใน “ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง”ให้ข้อมูลเรื่องการเบิกจ่ายเงินวัด โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นครปฐม และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินร่วมรับฟังว่า
วัดไร่ขิงไม่มีเงินคงคลังถึงร้อยล้านตามที่เป็นข่าว การเบิกจ่ายต้องมีการลงนามร่วมกันสองในสามระหว่างเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และเจ้าหน้าที่วัด โดยในช่วงหลังโควิด รายได้ของวัดลดลงมาก ส่วนที่ดูแลเองมีเพียง 5-6 บัญชี ไม่ทราบว่ามีบัญชีย่อยอีกกี่บัญชี โดยเฉพาะบัญชีวัตถุมงคลหรือบัญชีในชื่อผู้อื่น
“ยืนยันว่าไม่เคยเห็นเงินหลักร้อยล้าน และไม่ได้รู้เรื่องบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าคุณแย้ม เพราะเข้ามาทำหน้าที่เฉพาะกิจกรรมวัด ไม่เคยก้าวล่วงเรื่องส่วนตัว ผมรู้เพียงการโอนจ่ายที่มีเอกสารชัดเจนและเห็นด้วยตา เช่น ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างต่างๆ”
เมื่อถามว่า ทำไมกรรมการวัดไม่ทราบความเคลื่อนไหวของเงินจำนวนมาก นายชาตรีตอบว่า คณะกรรมการวัดมีหน้าที่เฉพาะกิจกรรมงานประจำปี ไม่ได้เข้าไปบริหารจัดการการเงินโดยตรง โดยไวยาวัจกรหลักมี 3 คน คือ ตนเอง นายพรเทพ ปัถวี และนายสันติ อนตุธโต พระที่มีสิทธิเบิกบัญชีประมาณ 7-8 รูป และผู้ที่ทราบข้อมูลการเงินมากที่สุดคือเจ้าอาวาส ยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเงินผิดปกติ รวมถึงกรณีหญิงสาวที่ถูกจับฐานเป็นนายหน้าเว็บพนันนั้น ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน และไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัดตามที่เป็นข่าวหรือไม่
นายชาตรีกล่าวอีกว่า ส่วนในประเด็นที่บอกว่าอดีตเจ้าคุณแย้ม เป็นคนยากจนเป็นลูกชาวไร่ชาวนาแต่ปัจจุบันทำไมถึงมีบ้านราคา 10,000,000 - 20,000,000 บาทอันนี้ต้องถามกลับไปว่ามีด้วยหรือ เพราะตนเองก็ไม่ทราบว่าเขาจะมีเงินเยอะขนาดนั้น แต่เท่าที่รู้ อดีตเจ้าคุณแย้มตอนนี้น่าจะเหลือตัวคนเดียวเพราะญาติๆ น่าจะเสียไปหมดแล้ว
“สำหรับเรื่องของหญิงคนที่ปรากฏเป็นนายหน้าของเว็บพนัน ผมก็ได้ทราบข่าวเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน กรณีที่บอกว่าเคยทำงานอยู่ที่วัดไร่ขิง ผมยืนยันได้ว่าไม่เคยทำงาน ถ้ามีผมต้องรู้จัก ส่วนหญิงสาวคนสนิทที่มีบ้านหลังใหญ่อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอนครชัยศรี เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่ เวลาไปไหนมาไหนอดีตเจ้าคุณแย้ม ท่านก็จะไปกับทีมงานของท่านก็จะไปกับพระเลขาซึ่งที่รู้มาคือจะอยู่ด้วยกันตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง ไม่ทราบว่าไปไหนกันบ้างและที่ไหน ซึ่งการเข้าไปพัวพันในเว็บพนันออนไลน์ไม่ทราบเรื่องมาก่อน”
3) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตำรวจทราบมาว่าอดีตเจ้าคุณแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ นายหน้าเว็บพนัน ช่วงหลังมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างกันในบางประเด็น แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอมุ่งไปในเรื่องของการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และบุคคลที่เกี่ยวข้องก่อน เนื่องจากมีบัญชีของวัดจำนวนมากที่จะต้องตรวจสอบทั้งหมด บางบัญชีปิดไปแล้วตามกิจกรรมที่จบลง ซึ่งตำรวจจะต้องไปตรวจสอบทั้งหมด ทำให้เงิน 300 ล้านที่ตรวจพบก่อนหน้านี้ ตอนนี้จะมีจำนวนมากกว่าเดิม แต่จะจบที่เท่าไหร่ยังตอบไม่ได้
4) ต่อมา มีการจับกุม นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระคนสนิทนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” ได้ที่โลตัสสาขานครปฐม
ทั้งนี้ นายเอกพจน์ ขณะบวชเป็นพระได้นำเงินจาก อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือ นายแย้ม ไปฝากตู้รับฝากเงินอัตโนมัติตามที่ต่างๆ เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ นายหน้าเว็บพนันออนไลน์
นายเอกพจน์ ให้การว่า ทิดแย้ม เป็นคนให้ตนนำเงินฝากเข้าตู้รับฝากเงินอัตโนมัติ เพื่อโอนต่อไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.อรัญญาวรรณ เพื่อเล่นพนันออนไลน์จริง
5) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พร้อมคณะ ทำการสอบปากคำ พระครูปลัดสุวัฒนวิมลคุณ เลขานุการเจ้าคณะภาค 14 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อย่างละเอียด เกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการเงินของวัด
รายงานว่าพระครูปลัดสุวัฒนวิมลคุณ ให้การวกวนในประเด็นการโอนเงิน ตามคำให้การของนายเอกพจน์ ที่ให้การซัดทอดว่า อดีตเจ้าอาวาส, น.ส.อรัญญาวรรณ, พระครูปลัดสุวัฒนวิมลคุณ และ นายเอกพจน์ ร่วมกันร่างหนังสือขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐานป้องกันหากถูกเรียกตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งทั้ง 4 คนมีการลงรายชื่อไว้แล้ว แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินในหนังสือดังกล่าว และหากถูกตรวจสอบจะได้เขียนยอดเงินที่ตรงกัน โดยทั้ง 4 คนถือหนังสือกันคนละฉบับ หากตรวจสอบจะนำมาชี้แจงเหมือนกัน
6) สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ สังคมตั้งคำถามว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีมาตรการป้องกันอย่างไรบ้าง ในเรื่องนี้ นายชูศักดิ์ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้เขาดำเนินคดีกันไป อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ช่วงเช้าวันที่ 16 พ.ค.2568 ตนได้สั่งการให้ พศ.ประสานตรวจสอบทรัพย์สินของวัดว่ามีมากน้อยแค่ไหน จำหน่ายจ่ายโอนไปชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ส่วนการสาวไปถึงบุคคลที่ให้อดีตพระธรรมวชิรานุวัตรยืมเงินนัน เป็นหน้าที่ตำรวจ
“จากนี้ตนจะพูดคุยกับ พศ. เกี่ยวกับกฎกติกาต่างๆ ของวัดที่มีระเบียบ กฎกระทรวง เรื่องการใช้จ่าย บัญชีวัดที่มีอยู่แล้ว หลังจากนี้คงต้องจริงจังชัดเจนกันมากขึ้น รวมถึงต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มบ้าง โดยเร็วๆ นี้ ตนจะเข้าไปพบมหาเถรสมาคม (มส.) เพื่อพูดคุยขอคำแนะนำในประเด็นดังกล่าวด้วยว่ามีช่องว่างอะไร จะทำอย่างไรให้รัดกุมได้บ้าง” นายชูศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวกระทบต่อศรัทธาของประชาชนอย่างมาก จะเรียกศรัทธาชาวพุทธกลับมาอย่างไร นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตอนตนรับตำแหน่งได้ให้นโยบายไป 8 ข้อ 1 ในนั้นคือ มาตรการป้องกันไม่ให้มีการทำลายพระพุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม คำนี้มาจากรัฐธรรมนูญ ซึ่งการทำลายพระพุทธศาสนาอาจเกิดจากคนนอกหรือคนในก็ได้ พศ.มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้ อย่าทำแค่เรื่องพิธีกรรมอย่างเดียว ก็ขอให้สอดส่องเรื่องต่างๆ ที่เกิดภายในวัดให้เข้มงวดขึ้น
7) เรื่องการกระทบศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ในยามเกิดพระปฏิบัติชั่วขึ้นนั้น โลกออนไลน์พากันแชร์ เทศนาธรรมหลวงปู่หา สุภโร วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ความว่า
โยม : หลวงปู่ครับ ผมจะขอนับถือแค่ พระพุทธ กับ พระธรรมนะครับ เพราะพระสงฆ์ทุกวันนี้ มีแต่เรื่องเสื่อมเสีย ผมว่าพระแท้ๆ หมดแล้วจากพุทธศาสนาไปแล้ว !!!
หลวงปู่ : ถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่า โยมก็ไม่นับถือ อาตมาด้วยสิ
โยม : เปล่าครับๆ หลวงปู่ ผมยังเคารพศรัทธาหลวงปู่เหมือนเดิม
หลวงปู่ : อ้าว ! ไหนว่าไม่นับถือพระสงฆ์ไงล่ะ
โยม : เว้นหลวงปู่สิครับ
หลวงปู่ : เว้นหลวงปู่ก็แสดง ว่า หลวงปู่ก็ไม่ใช่พระสงฆ์สิ
โยม : (ทำหน้าเหมือนคิดหนัก)......
หลวงปู่ : โยม ! เวลาเขาหาเอาทองคำนั้น เขาไปหามาจากที่ไหน
โยม : ไปขุดดินแล้วร่อนแยกเอาทองมาครับ
หลวงปู่ : ดินมากหรือทองมาก
โยม : ดินมากครับผม ร่อนจากดินมาก ได้ทองแค่นิดเดียว
หลวงปู่ : มันก็เหมือนพระสงฆ์นั้นแหละ พระสงฆ์ก็ร่อนมาจากลูกชาวบ้าน ลูกสมมุติ พระสงฆ์ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์แล้วมาบวชเมื่อไหร่ มันก็มีดีบ้างเสียบ้าง จะให้ดีหมด มันก็ทำไม่ได้...จะให้มันเสีย หมดก็ทำไม่ได้...ส่วนที่มันเป็นดินก็อย่าเอา ให้เอาส่วนที่มันเป็นทองสิ ถ้าเชื่อหลวงปู่ ถ้าเคารพหลวงปู่ ก็จงเชื่อว่า พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีมากมาย อย่าเหมาว่าไม่ดีทั้งหมด ขนาดคุณ ยังมีข้อเสีย จะให้ดีทั้งหมดทั้งโลกก็ไม่ได้
พระรัตนตรัย เหมือนไม้สามลำค้ำกันไว้ เอาออกอันหนึ่งมันก็ล้ม จำไว้ พระก็คือนักเรียน ผู้เป็นอริยะ คือผู้สอบผ่าน ผู้ประพฤติไม่เหมาะสม คือ ผู้สอบตก ให้สงสารคนสอบตก อย่าไปเกลียดคนสอบตก เพราะไม่มีใครอยากจะสอบตก เข้าใจนะ
สรุป : ในทางคดี ตำรวจก็มีหน้าที่หาพยานหลักฐานมาเอาผิดกับคนทำผิด
ในทางการกำกับดูแล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ,กรมการศาสนา และมหาเถรสมาคมคนต้องร่วมกันคิด กำหนดมาตรการจัดการเรื่อง “เงิน” ของแต่ละวัดให้รอบคอบและโปร่งใสขึ้น
ในทางศาสนา เป็นหน้าที่ของ “พุทธบริษัท” ที่จะต้องจัดการ !!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี