วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พระราชาพิธีบรมราชาภิเษกนั้นยิ่งใหญ่อลังการ เป็นการสื่อสัญลักษณ์และภาพลักษณ์ที่หลากหลาย ที่ล้วนประกาศถึงพระบารมีและพลังแห่งความมุ่งมั่นที่จะอำนวยการสร้างสรรค์ประเทศไทยให้รุ่งเรืองและมี
คุณค่า...ในฐานะประมุขของประเทศ
“หัวใจ” หรือ “แก่นสาร” ของงานราชพิธีครั้งนี้ก็คือ พระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...
"เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
นี่คือ “พันธะสัญญา” ของพระมหากษัตริย์ที่พระราชทานไว้กับปวงชนชาวไทย
ดังนั้น...งานพระราชพิธีอันยิ่งใหญ่อลังการนี้จึงเป็นการตอกย้ำพันธสัญญาดังกล่าว ให้ประชาชนได้แน่ใจ มั่นใจ ส่วนชาวโลกก็ได้รับรู้และเป็นเสมือน “สักขีพยาน” ไปพร้อมกัน
ในโลกแห่งการล่าอาณานิคมยุคใหม่นี้ เป็นการล่าที่บ้าคลั่งกว่าการล่าอาณานิคมในยุค “เรือปืนและศาสนา” ยุคนี้เป็นการล่าโดยใช้คนในชาตินั้นๆเป็นเครื่องมือ ใช้เงินช่วยเหลือด้านต่างๆเป็นอาวุธ และใช้กลยุทธ์แบ่งแยกแล้วปกครอง ซึ่งยุคไหนๆก็ยังคงใช้ได้อย่างมีประสิทธิผลเสมอมา
คนในชาติเองเมื่อต้องการอำนาจก็ใช้วิธีเดียวกัน “แบ่งแยก - แบ่งฝ่าย” ในนามของประชาธิปไตยกับเผด็จการ ในนามของความเป็นธรรมกับความอยุติธรรมในสังคม ในนามของความก้าวหน้ากับความล้าหลัง และอีกสารพัดเหตุผล
ผมไม่ได้เห็นว่าสภาพสังคมไทยทุกวันนี้ “ดีแล้ว”
ตรงกันข้ามยังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ต้องแก้ไข ปรับปรุง และสร้างสรรค์ใหม่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ที่เราเรียกกันว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” กับปัญหาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในประเทศไทย
ไม่ว่าจะย้อนหลังไปกี่ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯทุกฉบับ ต่างก็มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก แทบจะไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเลย
ส่วนเราในฐานะพลเมืองก็เรียกร้องแต่ความเป็นธรรมในสังคม แต่เรียกร้อง “ความเป็นธรรมในระบบนิเวศ” และลงมือกระทำให้ปรากฏผลอย่างจริงจังน้อยมาก
ต่อให้ประเทศไทยมีความเป็นธรรมในสังคม (เรื่องของมนุษย์) แต่ถ้าไม่มีความเป็นธรรมในระบบนิเวศ (โลกธรรมชาติ) สังคมมนุษย์ก็อยู่ไม่ได้
จะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรใช้ จะเอาอะไรมาผลิตเป็นของกิน ของใช้ และจะอยู่กันอย่างไรท่ามกลางวิกฤติของดิน น้ำ ไฟ ลม และวิญญาณ?
เมื่อการเมืองเรื่องชิงอำนาจและผลประโยชน์ เข้ารุมเร้าบ่อนเซาะทั้งภายในประเทศและจากนอกประเทศ จนสังคมไทยแตกออกเป็นฝักฝ่าย กับปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่วไปที่ยังไม่มั่นคงอย่างทุกวันนี้ ผมจึงไม่เชื่อว่า “นักการเมือง” จะสามารถนำพาประเทศไทยให้อยู่รอดปลอดภัยได้ตามลำพัง เพราะนักการเมืองส่วนมากนั้นมักจะเห็นประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ...อย่างที่เห็นกันมามากแล้ว
ในช่วง 10 ปีมานี้...ก็นักการเมืองอีกนั่นแหละที่พยายามสร้างความแตกแยกในสังคมไทย เสี้ยมให้คนไทยเข่นฆ่าทำลายล้างกัน เมื่อตัวเองยังไม่ได้อำนาจก็ดึงเอาพวกต่างชาติเข้ามาช่วยซ้ำเติม “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” จนคนที่รู้ลึกตื้นหนาบางของการล่าอาณานิคมยุคใหม่วิตกไปตามๆกัน เกรงว่าประเทศไทยจะถูกกระทำให้เหมือนกับซีเรียหรือเวเนซุเอล่า เป็นต้น
นักการเมืองบางส่วนนั้นชอบสร้างความแตกแยก (ขออภัยนักการเมืองที่ดี) แต่พระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์เรียกร้องให้คนในชาติสามัคคีกัน (กระนั้นก็ถูกกระทำให้เป็นคู่ขัดแย้งไปด้วย)
ผมจึงไม่วางใจ ไม่เชื่อใจนักการเมืองบางส่วนว่าจะไม่ทรยศต่อประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์หรืออุดมการณ์เฉพาะของตน และนักการเมืองนั้นเข้ามาเสวยอำนาจแล้วก็ไป ไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตน ไม่ว่าดีหรือชั่ว แต่กษัตริย์กลับต้องยืนหยัดรับผิดชอบต่อประเทศชาติจนลมหายใจสุดท้าย
สังคมนี้หรือสังคมไหนก็ไม่ได้ดีพร้อม แต่สิ่งดีที่สังคมไทยมีและสามารถจะนำพาสังคมไทยให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้ก็คือ “ศูนย์รวมความรักสามัคคี” ของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ
ที่ใดมีความรักสามัคคีที่นั่นแข็งแกร่ง
ที่ใดมีความแตกแยกที่นั่นพ่ายพังไปก่อนแล้ว
วิมล ไทรนิ่มนวล

เขมรตั้งแง่ขอไปประชุมที่มาเลเซีย ถก‘จีบีซี’อลเวง! ไทยไม่ยอมต้องที่จันทบุรี
ครม.ทุ่ม846ล. ซื้อรถเอกซเรย์ ตรวจยาเสพติด คุมอาชญากรรม
ฮาทั้งไทม์ไลน์! ‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’กับภารกิจทำอะไรก็ได้…ที่ Shabu King (แต่ไม่สำเร็จ)
‘ศุภจี’แทงกั๊ก อุบไต๋แคนดิเดตนายกฯ‘ภท.’ กล้าธรรมชง‘ธรรมนัส’นั่งนายกฯ
จับตา! 'ตรีนุช'ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ พปชร.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี