เดือนก่อนตาลุงผมเป๋ส่งฝูงหมาหรือเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่เรียกสั้นๆ ว่า ICE ออกกวาดล้างอย่างหนัก จับกุมบรรดาผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายส่งกลับประเทศ พวกไอซ์ออกล่าตามเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกา ตีข่าวว่าจับกุมเป็นพันๆ คนสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่ผู้คนที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันมาแต่กำเนิด บางครอบครัวนั้นน่าสงสารมาก ลูกไปโรงเรียน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปรากฎว่าพ่อและแม่ที่อพยพมาจากเม็กซิกันโดนจับทั้งคู่ เพื่อนบ้านต้องหาอาหารให้กิน ท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นร้องหาแม่ของลูก
แต่ฝันร้ายยังไม่จบเพียงเท่านี้ ท่านผู้นำเพิ่งออกกฎหมายใหม่หมาด เสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มไปทั่วโลก แต่ก่อนที่จะเล่าถึงผลกระทบของกฎหมายใหม่ที่ว่านี้ คงต้องเล่าคร่าวๆ ก่อนว่า ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกาและการขอกรีนการ์ดไปจนถึงการยื่นเรื่องเป็นพลเมืองอเมริกันเป็นอย่างไร
การจะไปอเมริกา ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรืออยู่อาศัย ขั้นแรกจำเป็นต้องยื่นเรื่องขอวีซ่า สมัยผู้เขียนทำเรื่องขอวีซ่าราคาประมาณ 4000 บาท ค่าธรรมเนียมนี้จะไม่ได้คืน แม้จะไม่ได้วีซ่าก็ตาม อัตราปัจจุบันอยู่ที่ 160 ดอลล์หรือประมาณห้าพันสามร้อยบาท แต่หากขอวีซ่าคู่หมั้นหรือคู่สมรส ค่าธรรมเนียมวีซ่าจะสูงถึง 265 ดอลล์หรือ 8754 บาท นับว่าแพงทีเดียว
อีกกรณีหนึ่งคือเมื่ออพยพมาอยู่ในอเมริกาแล้ว ขั้นตอนแรกจะต้องยื่นขอกรีนการ์ด ซึ่งต้องเตรียมเอกสารมากมาย และค่าธรรมเนียมกรีนการ์ดแพงลิบลิ่ว ผู้ที่ถือกรีนการ์ดในอเมริกาจะได้รับสิทธิทุกอย่างเช่นเดียวกับพลเมือง ยกเว้นแค่ไม่สามารถโหวตเลือกตั้งได้เท่านั้นเอง หากถือกรีนการ์ดแล้ว อยากขยับขั้นมาเป็นพลเมืองอเมริกัน ก็ต้องยื่นเรื่องเป็นพลเมืองด้วยการจ่ายค่าธรรมเนียมมหาโหดและสอบผ่านข้อสอบของทางการ จากนั้นจึงสาบานตนเป็นพลเมือง จึงได้สิทธิพลเมืองอเมริกัน
สมัยก่อนโน้น ผู้อพยพมาจากยุโรป นั่งเรือมาขึ้นฝั่งอเมริกาครั้งแรกที่เกาะเอลลิส ก่อนจอดเทียบท่าในนิวยอร์ก เกาะแห่งนี้ถือเป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านแรกในอดีต สมัยนั้นเสื่อผืนหมอนใบก็เดินเข้าประเทศได้อย่างเสรี แม้จะพูดอังกฤษไม่ได้เลยแม้แต่คำเดียว จะว่าไปแล้วอเมริกาสร้างบนกระดูกอินเดียนแดงและผู้อพยพจากทั่วทุกมุมโลก แม้แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งก็อพยพมาจากยุโรป ไม่ได้เกิดในอเมริกาเช่นกัน
แม้อเมริกาจะไม่ใช่ประเทศแห่งสวัสดิการแบบบางประเทศในยุโรป แต่ก็มีโปรแกรมช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เช่น การออกฟู้ดแสตมป์ ซึ่งเป็นบัตรแข็งแบบเอทีเอ็ม สามารถนำไปซื้ออาหารสดและแห้งได้ในห้าง แต่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ หรือโปรแกรมช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยที่เรียกว่า “เซกชั่น 8” เพื่อช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับครอบครัวยากจน โปรแกรมเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก โดยรัฐบาลเข้าไปพยุง
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าคนอเมริกันได้สิทธิการรักษาพยาบาลฟรี ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนที่ทำงานก็จะต้องจ่ายเงินส่วนหนึ่งเข้าประกัน ส่วนคนที่ทำงานอิสระจะต้องซื้อประกันเองซึ่งต้องจ่ายค่าประกันราคาแพงมหาโหดทุกเดือน หากไม่มีประกัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงอย่างชนิดที่เรียกว่าน่าขนลุก การผ่าตัดย่อยอย่างไส้ติ่ง ซึ่งในเมืองไทยจ่ายหลักหมื่น แต่ในอเมริกาอาจต้องจ่ายหลายแสน หากไม่มีประกัน
ตั้งแต่ตาลุงผมเป๋เป็นประธานาธิบดี ลุงก็พยายามสุดกู่ที่จะผลักไสไล่ถีบ กีดกันไม่ให้พวกเม็กซิกันและอเมริกากลางอเมริกาใต้ไหลบ่าเข้ามาในอเมริกา จนเกิดความคิดจะสร้างกำแพงกั้นประเทศอย่างที่ลงข่าวอึกทึกครึกโครม
ในขณะเดียวกันก็ส่งพวกไอซ์หรือตำรวจจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปไล่ล่าตะครุบตัวพวกที่อยู่ในอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย หรือคนที่มีกรีนการ์ดแต่เคยทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ส่งกลับประเทศ ในกรณีพวกมีกรีนการ์ดดังกล่าว แม้อยู่ในอเมริกามาเกิน 20 ปีก็ยังโดนถีบกลับ หากเคยทำผิดข้อหาเล็กๆ พี่ไอซ์ไม่ปรานีใครทั้งนั้น พี่ลากคอยัดเครื่องบินส่งกลับลูกเดียว สร้างความสับสนอลหม่านไปทั้งประเทศในเวลานี้
อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองที่ลุงผมเป๋ออกกฎเข้ม สร้างความหวาดหวั่นกังวลใจแก่คนต่างด้าวในอเมริกา รวมถึงคนที่กำลังจะขอวีซ่ามาอเมริกาด้วย กฎเหล็กที่ว่านั้นคือเรื่องการให้วีซ่าและกรีนการ์ด โดยต้นตอความคิดมาจากสตีเฟน มิลเลอร์ ผู้ช่วยของทรัมป์ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านคนเข้าเมือง กฎนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
กฎระเบียบใหม่นี้มีรากฐานมาจากกฎหมายคนเข้าเมือง 1882 ซึ่งอนุญาตให้รัฐบาลอเมริกา ปฏิเสธวีซ่าใครใดก็ตามที่อาจกลายเป็นบุคคลที่ต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐ(public charge)
เรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองประเด็น ประเด็นแรก กรณีวีซ่าเข้าอเมริกา จะมีการคัดกรองผู้ขอวีซ่าอเมริกาอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยพิจารณาจากรายได้และระดับการศึกษา อเมริกาสามารถปฏิเสธผู้ยื่นขอวีซ่าทั้งชั่วคราวและถาวร หากคนขอมีรายได้ไม่เข้าเกณฑ์จากกฏระเบียบใหม่ ผู้ยื่นขอวีซ่าจำเป็นต้องแสดงรายได้ในอัตราสูงขึ้น ขึ้นเพื่อให้ได้รับวีซ่าอเมริกา พูดแบบบ้านๆ คือ ถ้าเงินน้อย เปลี่ยนใจไปเดินแถวคลอดหลอดแทนเถอะ อย่าหวังจะได้เข้าไปเดินลอยชายในอเมริกาเลยจ้า แต่ถ้าเงินหนาเป็นปึกๆ เวลคัมทูยูเอสเอ อังเคิลแซมเลิฟฟฟฟฟยูเวรี่มัช
ประเด็นที่สองคือ ผู้อยู่อาศัยในอเมริกาโดยถือวีซ่าต่างๆ และกำลังจะยื่นขอกรีนการ์ด เพื่ออาศัยอย่างถาวรในอเมริกา การยื่นขอกรีนการ์ดใช้เวลานานพอสมควร รวมทั้งต้องผ่านการสัมภาษณ์และเอกสารประกอบการขอกรีนการ์ดมากมาย
กฎเหล็กที่ว่านี้จะบีบคอไม่ให้ได้กรีนการ์ดมาง่ายๆ สมัยก่อนก็ไม่ได้อนุมัติกรีนการ์ดง่ายแต่อย่างใด ต้องรอจนเหี่ยวแห้งกว่าจะได้กรีนการ์ดมาเชยชม แต่ทรัมป์เพิ่มกฎเหล็กให้ทุกอย่างยากยิ่งขึ้น โดยงดออกวีซ่าให้แก่ผู้อพยพที่ยากจน และปฏิเสธออก “กรีนการ์ด” ให้แก่คนต่างด้าวในอเมริกาที่เคยใช้บริการโครงการอุดหนุนผู้มีรายได้น้อย เช่น แสตมป์อาหาร คูปองช่วยค่าเช่าบ้าน หรือความช่วยเหลือจากรัฐในรูปแบบอื่นๆ
อธิบายง่ายๆ คือ ใครที่ถือวีซ่าไม่ว่าจะวีซ่าอะไรเข้าอเมริกา และต้องการยื่นเรื่องขอกรีนการ์ด หากเคยใช้ระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้มีรายได้น้อย (เมดิเคด) ง่ายๆ เลยคือโอบาม่าแคร์นั่นแหละ แสตมป์อาหารหรือฟู้ดแสตมป์ คูปองช่วยค่าเช่าบ้านที่เรียกว่าเซกชั่น 8 หรือความช่วยเหลือจากรัฐบาลในรูปแบบอื่นๆ ก่อนหน้ายื่นขอกรีนการ์ด ก็อย่าหวังเลยว่ารัฐบาลจะอนุมัติกรีนการ์ดให้ เมื่อไม่มีกรีนการ์ด ก็ไม่สามารถอยู่ในอเมริกาได้ จึงเท่ากับถูกบีบให้กลับประเทศไปอย่างหงอยๆ ถือเป็นการดับฝันผู้อพยพที่หวังจะได้สิทธิ์พำนักถาวรหรือความเป็นพลเมืองอเมริกัน ในดินแดนแห่งเสรีภาพแห่งนี้
กฎใหม่ระบุว่า ผู้ที่ต้องการขอกรีนการ์ดจะต้องส่งหลักฐานการคืนภาษีระยะเวลา 3 ปี รวมถึงประวัติการจ้างงาน และหากมีประกันสุขภาพส่วนตัวก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ สรุปบรรทัดนี้คือ ใครก็ตามที่เข้ามาอาศัยในอเมริกา หากยังไม่มีกรีนการ์ดจะไม่สามารถทำงานได้ ใครทำงานถือว่าผิดกฎหมาย ยกเว้นไปทำเรื่องขอเวิร์คเพอร์มิต ใบอนุญาตทำงาน ซึ่งสามารถขอได้ แต่ต้องจ่ายเงินก้อนโตในการขอ กรณีนี้ แม้ยังไม่มีกรีนการืดก็ทำงานได้ เมื่อทำงานแล้วต้องมีประวัติการจ้างงาน และต้องซื้อประกันสุขภาพราคาแพง อย่ามาป่วยตายที่นี่เป็นภาระอเมริกา ถ้ามีประกันอันแสนแพง มีงาน และมีใบคืนภาษี แกเอาไปเลย กรีนการ์ด อเมริกายินดีต้อนรับ แต่ถ้าแกไม่มีหรือแกจน จะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามาอยู่รกแผ่นดินนี้
ทำเนียบขาวแถลงว่า ผู้พำนักที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกันและเคยใช้บริการของรัฐจำนวน 22 ล้านคนจะไม่สามารถขอรับกรีนการ์ดหรือขอรับสัญชาติอเมริกันได้ภายใต้กฎใหม่นี้ นั่นหมายถึงคนทั้ง 22 ล้านคนจะต้องออกจากประเทศไปโดยปริยาย หรือหากอยากอาศัยอยู่ในอเมริกา ก็จะกลายเป็นโรบินฮู้ดที่ต้องคอยหลบฝูงตำรวจไอซ์เอาเอง
เนชันแนล อิมมิเกรชัน ลอว์ เซ็นเตอร์ ในลอสแองเจลีสประกาศฟ้องร้องเพื่อคัดค้านกฎนี้ ซึ่งถือเป็นความพยายามให้คำจำกัดความระบบคนเข้าเมืองใหม่เพื่อตัดสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้งของชุมชนคนผิวสี และเกื้อหนุนคนเข้าเมืองที่มีเงิน
เกณฑ์ใหม่ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. จะกำหนดมาตรฐานที่สูงขึ้นสำหรับบุคคลที่ต้องการเป็นผู้พำนักถาวร โดยจะเน้นผู้สมัครที่มีทักษะสูง รวมถึงพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น การศึกษา รายได้ และสุขภาพ เพื่อกีดกันกลุ่มคนต่างด้าวที่ ทรัมป์ มองว่า “ไม่พึงประสงค์” คือทั้งจนทั้งไม่มีการศึกษานั่นเอง กรณีนี้มุ่งเป้าไปที่เม็กซิกันเป็นหลัก
ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่คนเข้าเมืองในสหรัฐฯ ระบุว่าจะฟ้องรัฐบาลทรัมป์ ที่ใช้กฎเกณฑ์ใหม่นี้เพื่อสกัดกั้นคนต่างด้าวที่ยากจน และเอื้อประโยชน์ให้คนผิวขาวและคนรวย นาทีนี้เสียงโอดครวญดังระงมไปทั้งประเทศ หลายคนเห็นด้วย หลายคนไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จากนี้ต่อไป การขอวีซ่าเข้าอเมริกาคงเข้มงวดมากขึ้นอย่างแน่นอน
.....................................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี