สถานการณ์โควิดในอเมริกายังไม่บรรเทาเบาบาง ยอดผู้ป่วยใหม่และยอดตายยังคงสูงลิ่ว นาทีนี้ยอดป่วยสะสมแตะสองล้าน ตายไปแสนหนึ่งหมื่นกว่าๆ ร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มเปิดให้บริการ ทุกคนต้องแบกรับความเสี่ยงเอาเอง หากเป็นแล้ว หมอจะให้รักษาตัวอยู่กับบ้าน นอกจากอาการหนักแบบหายใจไม่ออกจริงๆ ถึงจะให้นอน รพ.
เหตุการณ์ประท้วงบานปลายไปหลายเมืองหลายรัฐ หรือพูดให้ถูกคือลุกฮือขึ้นทั่วประเทศก็ว่าได้ แม้แต่เมืองเล็กๆ ที่ผู้เขียนอยู่กับเมืองเล็กเมืองน้อยข้างเคียงในรัฐอินเดียน่า ซึ่งผู้คนไม่ค่อยหืออืออะไรมาก ยังพร้อมใจกันไปประท้วง ใส่หน้ากากอนามัยบ้างไม่ใส่บ้าง ตะโกนด่าใครบางคนกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง
คนที่ปวดใจที่สุดเวลานี้น่าจะเป็นหมอเฟาซี่ หมอใหญ่ประจำทำเนียบขาวที่คอยออกมาให้ข้อมูลเรื่องการป้องกันตัวให้ปลอดภัยจากโควิด 19 เพราะดูทรงแล้ว โควิดคงระบาดไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในหมู่ผู้ประท้วงแน่ๆ ไอ้ที่อยู่บ้านหยุดเชื้อนั่นคงล้มครืนในพริบตา เพราะแล่นออกไปรับเชื้อกันเพียบขนาดนั้น
ล่าสุดพบหลักฐานว่ามีคนติดโควิดจากการไปร่วมประท้วงจริงๆ ชาวแคนซัสกลับจากการไปร่วมประท้วงจอร์จ ฟลอยด์ รู้สึกป่วยเลยไปตรวจ ปรากฎว่าเป็นโควิด 19 โดยยอมรับว่าตนไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยตอนไปร่วมประท้วง
วกกลับมาที่การประท้วง ขอพูดอย่างแฟร์ๆ ในฐานะคนไทยที่อยู่อเมริกามากว่า 20 ปี การที่คนผิวสีลุกฮือขึ้นมาประท้วงก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่ แต่เมื่อสถานการณ์บานปลายไปเป็นการปล้นและเผาทำลาย รวมทั้งทุบทำลายอนุสาวรีย์อายุกว่าร้อยปี ส่วนมากเป็นอนุสาวรีย์นายพลยุคสงครามกลางเมือง ถือเป็นเรื่องที่เกินเลยไปมาก ทำร้ายหัวใจคนรักประวัติศาสตร์ที่สุด
อนุสาวรีย์สร้างด้วยโลหะบรอนซ์อายุ 131 ปีของทหารฝ่ายคอนเฟเดอเรต “แอพโพแมตต็อกซ์” (Appomattox) ที่เมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) รัฐเวอร์จิเนียถูกย้ายออกไปจากฐาน เพราะกลัวถูกทุบทำลายหรือพ่นสีแบบเดียวกับอนุสาวรีย์นายพลสมัยสงครามกลางเมืองแห่งอื่น ผู้ประท้วงการกรูเข้ารื้อทำลายอนุสาวรีย์กัปตันกองทัพเรือคอนเฟเดอเรต ชาร์ลส ลินน์ (Charles Linn) แม้แต่นายพลลี พลเอก รอเบิร์ต อี. ลี (Robert E Lee) ในมอนต์โกเมรีย์ รัฐแอละแบมา นายพลลีเป็นแม่ทัพใหญ่ทหารฝ่ายใต้ยุคสงครามกลางเมือง ถือเป็นวีรบุรุษของชาวใต้ก็ไม่พ้นการทำลายของกลุ่มผู้ประท้วง และอนุสาวรีย์ฝ่ายใต้ในรัฐเวอร์จิเนียและรัฐเซาท์แคโรไลนาถูกพ่นสีสเปรย์จนเสียหาย
แม้จะสงสารจอร์จ ฟลอยด์ และเห็นว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุจนฟลอยด์เสียชีวิต แต่การนำจอร์จ ฟลอยด์ไปยกย่องดุจวีรบุรุษ ปั้นให้กลายเป็นตัวแทนคนผิวดำทั้งปวงนี่ดูแปลกๆ เพราะจอร์จไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องขนาดนั้น ทั้งเสพยา และต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาตลอด ผลการชันสูตรนอกจากพบว่าถูกฆาตกรรมให้ขาดอากาษหายใจ ยังพบหลักฐายการใช้ยาเสพติดในร่างกายด้วย
ในอเมริกาไม่ได้มีแค่คนผิวขาวและผิวดำ แต่ยังมีฮิสแปนิกและชาวเอเซีย ทำไมสองกลุ่มหลังที่ว่าถึงไม่เคยออกมาประท้วงเรียกร้องโน่นนี่แบบคนผิวดำ ผู้เขียนไม่ได้อคติต่อคนผิวดำแต่อย่างใด ซ้ำมีเพื่อนผิวดำมากมายจนเรียนรู้วัฒนธรรมคนกลุ่มนี้ เรียนรู้ว่าคนกลุ่มนี้มีวัฒนธรรมและความคิดแตกต่างไปจากวัฒนธรรมอื่น ซึ่งบางทีก็มีตรรกะแปลกๆ คนผิวดำเองต้องย้อนกลับไปมองตัวเองด้วยว่า ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ในบางเรื่อง การเอาแต่เรียกร้องไม่ได้ทำให้สังคมของตนดีขึ้น แต่ตนเองจะต้องลงมือทำให้ชุมชนและสังคมของตนดีขึ้น มากกว่าจะโวยวายเรียกร้องจากคนอื่น
นี่เป็นความเห็นของคนไทยคนหนึ่งในอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทหน้าที่สำคัญอะไรในรัฐบาลอเมริกัน แต่ระดับผู้นำประเทศแล้ว ควรจะดับไฟในนาครมากกว่ายั่วยุให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น แต่ดูเหมือนตาลุงผมเป๋จะไม่ยอมสงบปากสงบคำง่ายๆ
หลังมีข่าวเผยแพร่ออกไปทั่วโลกว่า ลุงเข้าไปหลบในห้องหลบภัยใต้ทำเนียบขาว ดูแล้วเสียฟอร์มเป็นบ้า ลุงแกก็สะบัดผมเป๋แล้วสร้างภาพว่า “กูไม่กลัวมึง” ด้วยการเดินองอาจไปที่โบสถ์ที่อยู่ใกล้แค่คืบกับทำเนียบขาว และไม่ไกลจากฝูงชนที่กำลังประท้วงอย่างสงบ
แทนที่ลุงจะแสดงความกล้าหาญ กลับใช้วิธีสกปรกด้วยการให้เด็กสร้างของลุงคือ คือวิลเลียม บาร์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมออกคำสั่งปราบฝูงชนด้วยแก๊สน้ำตา ลุงแกจะได้เดินไปชูไบเบิ้ลสร้างภาพหน้าโบสถ์ได้ ภาพลุงผมเป๋ยืนชูไบเบิ้ลหย้าโบสถ์นี่ดูน่ากลัวเป็นบ้า บอกตรงๆ นะ ให้ลุงนั่งยิ้มเล่นหำตัวเองยังไม่หลอนเท่าตอนชูไบเบิ้ลยิ้มอ่อนนี่เลย
กองกำลังที่มาจัดหนักพลเมืองของตนขนมาเต็มพิกัด ทั้งสารวัตรทหารจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิหน่วยอารักขาประธานาธิบดี (ซีเคร็ตเซอร์วิส), ตำรวจประจำกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และตำรวจ ดี.ซี. เรียกว่าโหดรวมฮิตก็ว่าได้ ตอบแทนพลเมืองที่มาประท้วงด้วยการใช้กำลัง, แก๊สน้ำตาและระเบิดเพลิง
เมือง 40 แห่งประกาศเคอร์ฟิว มีการส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้าตรึงกำลังใน 23 รัฐ และพื้นที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่เหตุจลาจลภายหลังการลอบสังหาร มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในปี 1968
ขนาดพระยังติง บิชอป มาเรียน เอ็ดการ์ บัดด์ จากสังฆมณฑลวอชิงตัน ยังบอกว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำนั้นไม่เหมาะสม แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ก็ออกมาวิจารณ์ตำรวจที่ใช้กำลังสลายผู้ชุมนุมเพียงเพื่อให้ ทรัมป์ ได้เดินไปถ่ายรูปโชว์ว่าเป็นอะไรที่ “น่าอับอายอย่างยิ่ง”
จิม แมตทิส อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ในคณะบริหารของทรัมป์ยังออกปากว่า ตาลุงผมเป๋นี่นอกจากจะไม่สร้างความสามัคคีในชาติแล้วยังทำให้แตกแยกอีกต่างหาก อดีตประธานาธิบดีพรรคเดียวกับตาลุงผมเป๋คือ ประธานาธิบดีบุชเขียนจดหมายเปิดผนึก แม้จะไม่ได้เอ่ยถึงทรัมป์อย่างโจ่งแจ้ง แต่อ่านดูก็รู้ว่าพูดถึงทรัมป์ เนื้อความคือ เตือนว่าการที่ตำรวจขับไล่ผู้ชุมนุมออกจากลาฟาแย็ตต์สแควร์ตรงข้ามทำเนียบขาว เพียงเพื่อให้ ทรัมป์เดินไปถ่ายรูปชูพระคัมภีร์ไบเบิลโชว์หน้าโบสถ์แห่งหนึ่งเป็นการกระทำที่ “ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของอเมริกา”
อย่าที่เห็นนั่นแหละ ตาลุงแกเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ใครแตะไม่ได้ เป็นต้องทวีตด่ากลับทัน หนนี้ก็เหมือนกัน แกทวิตกลับอย่างไม่กลัวตกนรกหมกไหม้ว่า
“รัฐบาลของผมทำเพื่อชุมชนคนผิวสีมากกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดๆ นับตั้งแต่ อับราฮัม ลินคอล์น”
นอกจากทวิตแขวะคนนั้นคนนี้ยังปากดี (เสีย) ไม่หยุดหย่อน จิกเรียกผู้ประท้วงว่าเป็นอันธพาลบ้าง เป็นผู้ก่อการร้ายบ้าง คือลุงจ๊ะ เพื่อนผู้เขียนก็ไปประท้วง รายนี้เป็นบรรณารักษ์ในเมืองนี่แหละ มีงานการทำดี ไม่ได้เป็นภัยสังคมแต่อย่างใด ส่วนไอ้พวกปล้นเผาอะไรนั่น คือพวกสวมรอย พวกนี้มีทุกม็อบนั่นแหละ ไม่เชื่อดูม็อบบางม็อบในไทยก็ได้ หนักว่านั้นคือขู่ฟ่อๆ ว่าจะให้ทหารยกพลมาปราบประชาชน
ตอนนี้การประท้วงยังคงดำเนินไปในหลายเมืองหลายรัฐ แถมกระจายตัวไปประเทศอื่น ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะจบลงเมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆ คือโควิดคงระบาดหนักหลังจากนี้เป็นต้นไป ยิ่งคิดยิ่งน่าห่วง จนป่านนี้ข้าวของอุปกรณ์ทำความสะอาดป้องกันไวรัสก็ยังขาดตลาด สถานการณ์ในอเมริกาเวลานี้น่าหนักใจมาก ได้แต่จับตาห่างๆ อย่างห่วงๆ แล้วภาวนาให้ยุติลงโดยเร็ว
.........................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี