เรื่องที่สังคมยังคุยกันไม่จบ เห็นจะเป็นเรื่อง 2 องค์กร คือ อัยการ และตำรวจ มีความเห็นสอดคล้องกัน คือสั่งระงับคดีนายวรายุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชน ดาบตำรวจ วิเชียร เสียชีวิตเมื่อปี 2555 แล้วหนีไปต่างประเทศ
เพราะทั้งอัยการตำรวจ มีความเห็นไปในรอยเดียวกันว่า นายวรายุทธไม่ได้ขับรถโดยประมาท หากแต่เป็นนายดาบตำรวจแซงกระทันหัน เป็นเหตุสุดวิสัย
คำสั่งไม่ฟ้องของอัยการส่งมาให้ตำรวจ เมื่อตำรวจไม่ค้าน ไม่แย้ง ก็ต้องจบ
ที่ไม่จบก็คือความรู้สึกของประชาชน ดังกระหึ่มขึ้น เพราะมันเหมือนเป็นการ ขยี้ความยุติธรรม มันเหมือนเป็นการขี้ เยี่ยว รดราดลงไปบนหัวใจประชาชนที่เฝ้าติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเกิดเหตุ
เหมือนจะมีสัญญาณบอกเหตุ สำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้รีบแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ สำนักงานตำรวจ ก็แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเช่นกัน
ประชาชนต่างก็ร้อง ยี้ ขึ้นพร้อมๆกัน อัยการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอัยการ ตำรวจแต่งตั้งกรรมการขึ้นมาสอบตำรวจ มันจะไปได้เรื่องอะไร ?
ขณะที่เสียงร้องยี้ของประชาชนดังอยู่นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งทันที คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ทางด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยที่สอนกฎหมาย จากคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหลายทั้งปวงก็คือ ประธานคณะกรรมการชุดนี้คือ นายวิชา มหาคุณ อดีตตุลาการศาลฎีกา และอดีตกรรมการ ปปช. ที่สอบสวนทุจริตจำนำข้าว จนอดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งต้องระหกระเหินหนีคุก อดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ตัวเบ้งๆ ต้องนอนอยู่ในคุกเวลานี้
และก็จริงอย่างที่ประชาชนคาดการณ์เอาไว้ ไม่มีผิด คณะกรรมการของอัยการที่ตรวจสอบเรื่องนี้ออกมาแถลงแล้ว บอกว่า นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่สั่งคดีไปนั้นชอบแล้ว เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ
พอสิ้นเสียงของคณะกรรมการชุดของอัยการ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการอัยการ แสดงความคิดเห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณะ และความเห็นของนายอรรถพลนี้จะส่งต่อไปให้ อัยการสูงสุดคนปัจจุบันต่อไป
เห็นชื่อ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ที่ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง คือ นายวิชา มหาคุณ ก็มีบางคนหนาวสะท้านทรวงแล้ว ยังมีความเห็นของนักกฎหมาย หลายๆท่านต่างก็เห็นเหมือนกันว่า คดีนี้อธิบดีอัยการมีคำสั่งฟ้องไปแล้วก็ชอบแต่ที่จะต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฟ้องศาล
จะมาสั่งซ้ำสั่งซ้อนกันอีกไม่ได้
ระหว่างที่หนีไปต่างประเทศ ทนายของนายวรายุทธ ก็ทำหน้าที่ร้องขอความเป็นธรรม พร้อมกับขอเลื่อนคดี จนกระทั่ง อสส. สั่งระงับการร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว
ประธานคณะกรรมการอัยการยังเห็นว่า คำสั่ง นายเนตรไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นี่คณะกรรมการชุดที่นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ยังไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดนะครับ ประชุมคณะกรรมการวันแรกก็แบ่งๆงานกันไปทำ ดูเหมือนจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของใครบางคนด้วย
นี่ขนาดยังไม่ได้เรียกสำนวนของตำรวจ เรียกสำนวนของอัยการมาดูนะครับ จะให้ใครบางคน กินอิ่ม นอนหลับเหมือนเดิมได้อย่างไร
ชาวบ้านอย่างเรายังรู้สึกได้เลยครับ
นายวรายุทธ ขับรถด้วยความเร็วเท่าไหร่จะต้องไปเถียงกันทำไมครับ ในเมื่อมันเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์มันพิสูจน์ มันคำนวณกันได้ อาจารย์จุฬา กับตำรวจ คำนวณออกมาได้เหมือนกันว่า 176 กม /ชม (ต่อมาตำรวจเปลี่ยนความเห็นเหลือ 70/80 อ้างว่าตอนที่มีความเห็นเหมือนอาจารย์จุฬา นั้น ตัวเองไม่ค่อยสบาย) และอาจารย์อีกสถาบันหนึ่งบอกเขาคำนวณได้76 - 77 เอง)
แตกต่างกันขนาดนี้จะต้องไปเลือกเชื่อใคร ให้ใครได้ประโยชน์ ดังได้กล่าวแล้ว นี่เป็นวิทยาศาสตร์ คำนวณได้ พิสูจน์ได้ ก็หาสถาบันที่เป็นกลางได้นี่ครับ
ไม่ต้องเถียงกันหรอกว่า 76 หรือ 176 ต่อชั่วโมง ข้อเท็จจริงก็คือ มันชนแล้วก็ลากรถลากตำรวจไปอีกเท่าไหร่ แล้วก็หนีเข้าบ้าน ส่งคนในบ้านมารับสารภาพแทน
ดีว่าตอนนั้น ความรู้สึกที่ว่า เพื่อนตำรวจถูกชนตายอย่างทรมาน หาไม่ ผู้ต้องหาอาจจะไม่ใช่นายวรายุทธ ก็ได้
เมื่อมามอบตัวกลิ่นเหล้าก็คงจะยังโชยอยู่ ทั้งตำรวจ ทั้งอัยการจึงเชื่อว่า “คนในบ้านบอกว่า นายวรายุทธกินเหล้าหลังเกิดเหตุแล้วเพราะเครียด”
ถ้าเป็นนายสำเริงขับรถชนตำรวจตายอย่างนั้น กลิ่นเหล้าโชยอยู่อย่างนั้นเป็นต้องถูกไอ้โอ้บถีบกระเด็นให้ไปนอนแอ้งแม้งในตะราง แล้วคลานขึ้นมายืนดมเหล็กอยู่หลายวัน จึงสอบสวนต่อ
โรงพยาบาลมาตรวจเลือดส่งผลมาให้ ตำรวจก็ยังเชื่อว่าเกิดจากยาชาที่ไปรักษาฟัน
รายงานของหมอตรงนี้ก็หลุดจากแฟ้มของตำรวจ เป็นเหตุให้คณะกรรมการชุดของอัยการบอกว่า เป็นข้อมูลใหม่ สามารถใช้ดำเนินคดีนายวรายุทธได้ใหม่
มาถึงตอนนี้ จะดำเนินคดีนายวรายุทธ ได้หรือไม่ได้ ไม่ค่อยจะเป็นที่สนใจแล้วครับ เพราะหมายจับยังอยู่จะไปถอนหมายจับก็ต้องไปขอศาล จะไปให้เหตุผลกับศาลอย่างไรละครับ
ครั้นจะเอามาขึ้นศาล ทั้งตำรวจ ทั้งอัยการ ไม่มีความสามารถเอาตัวมาได้หรอกครับ ถ้ามีความสามารถเอามานานแล้ว
ก็ต้องหนีไปจนหมดอายุความ
แต่คดีใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี่ซีครับ จะมีฝั่งไหนบ้างโปรดติดตามด้วยใจระทึกเทอญ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี