ร้านอาหารเก่าแก่ร้านนี้มีประวัติว่าเปิดมายาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาได้สืบทอดสูตรอาหารไทยและจีนไหหลำที่ ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์ เคยแนะนำไว้มาจนถึงปัจจุบัน บรรยากาศภายในร้านยังคงรูปลักษณ์แบบร้านห้องแถวริมทางรุ่นเก่า ติดป้ายประกาศณียบัตรต่างๆ ที่ได้จากสถาบันอาหารทั้งหลายใส่กรอบแขวนโชว์ ตั้งแต่สมัยรุ่นก๋งเริ่มเปิดร้าน จุดเด่นอยู่ที่รสชาติอาหารระดับไม่ด้อยกว่าภัตตาคารในราคาไม่แพงจนกระเป๋าฉีก บางครั้งเมื่อแวะมาช่วงค่ำลูกค้ากำลังเต็มร้าน จำต้องซื้อใส่ถุงกลับมากินที่บ้านหรือสั่งบรรดามอเตอร์ไซค์บริการส่งจะสะดวกกว่า
ร้านอาหารไทย-จีนเก่าแก่เจ้านี้อยู่คู่ย่านเสาชิงช้ามานานกว่า 75 ปี เปิดขายตั้งแต่รุ่นก๋ง ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 ต่อมาก๋งได้รับการถ่ายทอดสูตรอาหารฝรั่ง เช่น สเต็กหรือสลัดจาก ดร.ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ นอกจากอาหารฝรั่ง ทางร้านยังคงเสิร์ฟอาหารจีนไหหลำรสเด็ดอย่าง ผัดโป๊ยเซียน จับฉ่ายไหหลำ และสตูลิ้นวัว ซึ่งกลายเป็นเมนูขายดีจนถึงทุกวันนี้ เพราะยังคงสูตรดั้งเดิมไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน
ในเพจ 120 ปีชาติกาล ดร. ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษ และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์และการเมือง ได้เขียนบอกเล่าว่าสนิทสนมกับพ่อเจ้าของร้านอาหาร “มิตรโกหย่วน” ตั้งแต่ยังอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยกัน
ใครที่เคยไปกินอาหารที่ร้านมิตรโกหย่วน ย่านเสาชิงช้า ถนนดินสอ กรุงเทพฯ คงจะคุ้นเคยกับ “เมนูอาหาร” ที่เขียนไว้ในหน้าแรก และการให้บริการที่เป็นกันเองเหมือนทุกรุ่นที่ผ่านมา สมกับชื่อร้านที่แปลว่า มิตรของนายโกหย่วน (โกหย่วน คือ ชื่อคุณพ่อ เจ้าของร้านรุ่น 2)
“ผมออกไปเลือกซื้อวัตถุดิบด้วยตัวเองทุกวัน เพราะผมให้ความสำคัญและใส่ใจกับการเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพดี”
ปัจจุบัน ร้านดำเนินงานโดย คุณเจี๊ยบ ลูกชายของโกหย่วน ”
โดยคุณชัยตรี หาญจีระปัญญา เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
“สมัยอยู่อยุธยา ครอบครัวของเราเป็นเพื่อนบ้านกับคุณปรีดี พนมยงค์ ตอนนั้นคุณปรีดีกลับจากฝรั่งเศส ท่านรู้จักอาหารฝรั่งดี เขาก็มาแนะนำเรื่องอาหารฝรั่งให้เตี่ยผมฟัง คนสมัยก่อนเขาไม่หวงวิชา แนะให้ทำเป็นขั้นเป็นตอน อย่างเช่น ทอดเนื้อก่อน แล้วจึงทำน้ำสเต็กราดลงไป ใส่ถั่วลันเตา หอมใหญ่ มะเขือเทศตามลงไป อาหารที่พวกฝรั่งชอบ”
ป้ายเมนูราคาเมื่อปี 1966
จากป้ายที่ใส่กรอบกระจกแขวน จะเห็นว่าเวลาที่ผ่านไป 54 ปี ราคาอาหารแพงกว่าปัจจุบันราว 10 เท่าตัว ตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งนี้สมัยนั้นราคาทองคำหนักบาทละ 300 กว่าบาท เทียบกับปัจจุบันราคาเกือบ 3 หมื่นบาท
สตูลิ้นวัว
สิ่งที่ทำให้ร้านนี้มีชื่อเสียงขจรไกลนั้นคือสตูลิ้นวัวที่ลูกค้าหลายคนติดใจสูตรของร้านที่มี รสชาตินุ่มนวล ทางร้านจะบรรจงลอกและขูดเอาฝ้าขาวของลิ้นที่หุ้มอยู่ออกด้วยความใส่ใจ แล้วนำไปเคี่ยวและต้มจนเปื่อย หลังจากนั้นจึงหั่นลิ้นวัวเป็นชิ้นๆ เอาไปเคี่ยวกับเซเลอรี่ ถั่วลันเตา มะเขือเทศ มันฝรั่ง แป้ง พร้อมปรุงเครื่องสตูจำพวกซอสภูเขาทอง ซอสมะเขือเทศ ซอสเปรี้ยว เครื่องเทศเล็กน้อยพอให้ดับกลิ่นคาวจนเข้มข้น ซึ่งเจ้าของร้านรุ่นหลานสืบทอดรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิมเหมือนรสมือของก๋งเมื่อก่อน
ไข่ยัดไส้
เทคนิคอยู่ตรงการเจียวไข่เป็นแผ่นบาง แล้วใช้ซอสปรุงพิเศษ เคี่ยวกับส่วนประกอบเช่น หอมหัวใหญ่ หมูสับหรือกุ้งสับ มะเขือเทศสด ถั่วลันเตากระป๋อง ฯลฯ พอได้ที่จึงตักใส่กลางแผ่นไข่ ใช้ฝีมือตลบม้วนเป็นแท่งน่ากิน
ต้มยำกุ้งแม่น้ำ
เคยชิมต้มยำกุ้งของคนจีนไหหลำตามต่างจังหวัดมาหลายร้าน รับความรู้สึกของรสชาติที่ไม่เหมือนต้มยำ โดยร้านไทยที่ให้รสเป็นลูกผสมไทยจีนซึ่งก็รสกลมกล่อมชื่นใจดี ที่ร้านเลือกใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ เนื้อแน่นหวาน ซดกับน้ำซุปร้อนๆ หอมกรุ่นเครื่องต้มยำ เผ็ดนิด เปรี้ยวหน่อย
ผัดโป๊ยเซียน
ผัดเครื่อง 8 อย่าง ได้แก่ วุ้นเส้น ดอกไม้จีน ฟองเต้าหู้ เห็ดหูหนู ผักกาดขาว ขึ้นฉ่าย เนื้อหมู วุ้นเส้นนิดหน่อย ปลาหมึกแช่และปลิงทะเล โรยหน้าด้วยกุ้งแห้งตัวโตกินกับน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ หากจะเปรียบเทียบกับผัดจับฉ่ายไหหลำแทบจะไม่แตกต่างกันนัก
แกงจืดรวมมิตร
เหมือนแกงจืดที่ประกอบด้วยหมูสับ ดอกไม้จีน เห็ดหูหนู ต้นหอม ต้นขึ้นฉ่ายหั่นท่อน เครื่องปรุงเดียวกับที่ทำกินตามบ้าน หากแต่เป็นแกงจืดโดยฝีมือกุ๊กอาชีพ จึงได้รสมือที่หวานหอมสดชื่นมากกว่าทำกินเอง
กุ้งพล่า
ใช้กุ้งแม่น้ำสดย่างครึ่งสุกดิบ เคล้ากับเครื่องพล่ารสชวนน้ำลายสอ
ผัดต้นทานตะวันอ่อน
ต้นอ่อนทานตะวันมีโปรตีนมากกว่าผักกาดเขียวถึง 2 เท่า อุดมไปด้วยวิตามิน A, B2, E, D, K และยังมีวิตามิน A สูงกว่าน้ำมันเมล็ดข้าวโพดและเมล็ดถั่วเหลืองกว่า 3 เท่า เมื่อนำเมล็ดทานตะวันมาเพาะเป็นต้นอ่อนทานตะวัน คุณค่าทางอาหารจะเพิ่มมากขึ้น เช่น มีโปรตีนสูงกว่าถั่วเหลือง มีวิตามิน A สูง ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และชะลอความแก่ เมื่อเอามาผัดน้ำมันหอยก็กรอบอร่อยไม่ต่างจากถั่วงอกนัก
หอยหลอดผัดฉ่า
หอยหลอดเป็นหอยที่มีมากในไทยที่ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม ตามธรรมชาติหอยหลอดจะฝังตัวตามแนวดิ่งในตะกอนดินโคลนบริเวณปากแม่น้ำ โดยอาศัยอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลตั้งแต่ 50 เมตรไปจนถึง 3 กิโลเมตร แล้วแต่ชนิด ยังพบตามชายฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันของจังหวัดอื่นด้วย พบมากที่จังหวัดตราด จันทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และเพชรบุรี
เนื้อหอยนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท ทั้งตากแห้ง ทอดกรอบ ต้มยำ ผัดกะเพรา และผัดฉ่า วิธีจับหอยหลอดจะใช้ปูนขาวหยอดลงในรู หอยหลอดเมื่อรู้สึกระคายเคืองจะโผล่ขึ้นมาให้จับได้ง่าย ช่วงที่เหมาะสำหรับการจับมากที่สุดคือเดือนมกราคม-พฤษภาคม เพราะตอนกลางวันน้ำจะลดลงมากทำให้สันดอนโผล่พ้นน้ำ
หอยแครงลวก
ช่วงโรคโควิดระบาด ทะเลไม่ถูกรบกวนจนหอยโตไม่ทันความต้องการบริโภค แค่ไม่จับหอยเพียง 4-5 เดือน หอยแครงตัวจะโตกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด บวกกับการรู้จังหวะจะโคนในการลวก จึงได้หอยลวกที่กำลังพอดี ไม่ดิบไปจนเลือดเยิ้มให้รู้สึกสยดสยอง สุกไปก็เนื้อเหนียวเกิน หอยเขาแกะมาสำเร็จ พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมถั่วตำ กินหมดจานโดยไม่รู้ตัว
ร้านอาหารที่ดูภายนอกเป็นตึกแถวเก่าๆ บนถนนดินสอใกล้กับเสาชิงช้า ศาลาว่าการกรุงเทพฯ เปิดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในยุคปัจจุบันถือว่าเป็นรุ่นที่ 3 สมัยอากงเชื้อสายไหหลำมาจากเมืองจีนเดิมใช้ชื่อร้านนายฮง แล้วเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบัน
โดยรวมๆ อาหารอร่อยใช้ได้ รสชาติอาจยังไม่ถึงกับเทียบตามภัตตาคารหรูๆ แต่เมื่อเห็นปริมาณ วัตถุดิบ และรสชาติกับราคาแล้วคือคุ้มค่า น่าแวะมาได้บ่อยๆ
ร้านมิตรโกหย่วน (เยื้องศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร)
186 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร: 02-224-1194
เวลาเปิดบริการ: วันจันทร์- วันศุกร์ 11.00-14.00 น. และ
วันเสาร์-วันอาทิตย์ 16.00-21.00 น.
ภาพถ่าย แพรไพลิน ศุกลรัตนเมธี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี