สำหรับอเมริกันแล้ว ฮาโลวีนเป็นเรื่องที่ทุกคนเฝ้ารอเพราะเป็นการเล่นสนุกบนพื้นฐานความเชื่อเก่าแก่ว่า คืนวันที่ 31ตุลาคมเป็นคืนที่วิญญาณทุกดวงจะลุกจากหลุมศพ เสาะหาร่างมนุษย์สิงสู่เพื่อกลับคืนสู่ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เป็นคืนเดียวในรอบปีที่วิญญาณของคนเป็นและคนตายจะเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน นั่นเป็นเพียงความเชื่อเก่าแก่เท่านั้น แต่ที่ทุกคนรอคอยเทศกาลนี้เพราะสนุกกับการสลักฟักทองครีเอทไอเดียแต่งหน้าบ้านให้ดูหลอนและน่ากลัวที่สุด ช่วงสำคัญที่เด็กๆทุกคนเฝ้ารอคือ การแจกขนมเด็กที่เดินมาเคาะประตู แล้วส่งเสียง “Trick or treat?" เกือบทุกบ้านในอเมริกาที่รักการเล่นสนุกและการแจกขนมเด็กจึงประดับประดาบ้านเรือนให้สยองขวัญที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเฉลิมฉลองราตรีปีศาจนี้กันอย่างเต็มที่ หากพร้อมเล่นสนุกในวันฮาโลวีนเจ้าของบ้านจะต้องเปิดไฟไว้เป็นสัญลักษณ์หรือไม่ก็ตกแต่งหน้าบ้านด้วยโคมฟักทองแกะสลัก ซึ่งใส่เทียนไขไว้ข้างใน ที่เรียกกันว่าแจ็ค โอแลนเทิร์น ( Jack O’ Lantern) เพราะในช่วงค่ำจะมีผีน้อยผีใหญ่แวะมาเยือนบ้านไม่ขาดสายพร้อมตะโกน Trick or treat เด็กบางคนแต่งตัวชุดแฟนซีน่ารักหิ้วตะกร้าหรือกระป๋องมาใส่ขนม บางคนก็โลภจัดเอาปลอกหมอนนั่นแหละมาใส่ขนม จะได้ใส่ได้เยอะๆ
เด็กๆ จะเฝ้าคอยดูว่า บ้านไหนมีโคมฟักทองและเปิดไฟหน้าบ้านเพราะถือเป็นสัญญาณว่า บ้านนั้นเต็มใจต้อนรับให้เข้าไปขอขนม แต่ถ้าบ้านไหนไม่อยากเล่นฮาโลวีน จะปิดไฟมืด แม้ว่าจะอยู่บ้านก็ตาม แต่ละเมืองจะมีกำหนดเวลาว่าการเดินขอขนมจะสิ้นสุดตอไหน เช่น ห้าโมงถึงหนึ่งทุ่มทำนองนี้ พอพ้นเวลานั้นไปแล้วก็ถึงเวลาปาร์ตี้ของพวกผู้ใหญ่นั่นเอง ที่ปิดบ้านจัดงานกินดื่มเต้นรำกันอย่างครึกครื้น แต่ปีนี้โควิดระบาดแทบทุกบ้านไม่มีการประดับตกแต่งอะไรเหมือนปีก่อนๆ ไม่มีการประดับบ้านด้วยฟักทองเหมือนทุกปี รวมทั้งบ้านผู้เขียนที่ปกติจะนั่งหน้าบ้านรอแจกขนมเด็กๆ ทุกคนต่างหวาดกลัวหรือไม่ก็ซึมเศร้า เพราะตกงานต่อเนื่องยาวนานจนไม่มีอารมณ์ฉลองคงต้องสรุปสถานการณ์โควิดอีกรอบ
บางประเทศเข้าสู่ระลอกสองหรือระลอกสาม แต่บอกเลยว่าอเมริกานั้นไม่รู้อยู่ในระลอกไหน เพราะระลอกแรกก็หนักหนาสาหัสมาตลอด ลามไปถึงทำเนียบขาวตาลุงผมเป๋ติดโควิด เมลาเนียก็ติดโควิดและยังไม่หายสนิท จนต้องถอนตัวออกจากการเดินสายหาเสียง ล่าสุดลูกชายคนสุดท้องก็ติดโควิด เรียกว่าติดกันทั้งครอบครัวยังไม่หมดเท่านี้ โควิดคือความเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงลามไปติดทีมหาเสียงฝ่ายเดโมแครตของกมลา แฮร์ริส แล้วกระโดดเข้าหาหัวหน้าทีมหาเสียงของไมค์ เพนซ์ เรียกว่าอลหม่านกันทั้งทำเนียบขาว แต่กระนั้นบรรดามะริกันก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมใส่หน้ากาก
แม้กระทั่งตอนเดินทางด้วยเครื่องบินก็ไม่ยอมใส่หน้ากาก ทั้งที่มีกฎอย่างชัดเจนว่าให้ใส่หน้ากากจนสายการบินต้องขึ้นบัญชีดำคนเหล่านั้นไว้ร่วมร้อยคน ตอนแรกโควิดระบาดหนักที่รัฐนิวยอร์กซึ่งคือฝั่งตะวันออกของประเทศ ต่อมาลามลงไปทางใต้ป่วยกันอย่างชนิดที่เรียกว่า หมอพยาบาลเองติดโควิดกันเป็นพรวนแถมไม่มีที่เก็บศพ ตอนนี้การระบาดแพร่มาสู่โซนที่เรียกว่า “มิดเวสต์”ซึ่งเป็นรัฐที่ผู้เขียนอยู่ นาทีที่เขียนต้นฉบับนี้อยู่ยอดป่วยสะสมในอเมริกาอยู่ที่ 8,940,416 ราย อีกนิดเดียวก็เข้าสู่หลักเก้าล้านชิลล์ๆ แต่คนที่ไม่ชิลล์คือบรรดารัฐที่กำลังระบาดจัดหนักส่วนคนตายทั้งหมดอยู่ที่ 230,869 ราย นับว่าเยอะมากรัฐที่ป่วยสูงสุด 5 อันดับ มีการเปลี่ยนตำแหน่ง อันดับหนึ่งคือเท็กซัส อันดับสองคือแคลิฟอร์เนีย อันดับสามคือฟลอริด้า อันดับสี่คือนิวยอร์ก และอันดับห้าคืออิลลินอยส์
อาทิตย์ที่ผ่านมาหลอนหนักกว่าเก่า ยอดป่วยรายวันพุ่งสูงถึงวันละแปดหมื่นแปดพันกว่าราย นับว่าสูงสุดตั้งแต่พบผู้ป่วยคนแรกในเดือนมกราคมเลยทีเดียว สถาบันเพื่อการวัดและประเมินสุขภาพ (Institute for Health Metrics and Evaluation - IHME) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มักถูกนำไปอ้างอิงอย่างแพร่หลายคาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดในอเมริกาอาจจะถึง 500,000 คนในราวๆ เดือน ก.พ. ปีหน้า บอกเลยว่าหากเข้าสู่หน้าหนาวเมื่อไหร่จะสยองขวัญกว่านี้ และสยองขวัญกว่าฮาโลวีนแน่นอน เพราะโควิดแพร่กระจายได้ดีในอากาศหนาว และอาคารสถานที่ปิด
แต่ IHME ชี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด อาจต่ำกว่าที่ประเมินราว130,000 คน หากชาวอเมริกัน 95% สวมหน้ากากอนามัยซึ่งบอกเลยว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอเมริกันนั้นดื้อด้านแถมไม่ยอมใส่หน้ากากหรือป้องกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะสาวกทรัมป์พวกนี้มักเกาะกลุ่มกันไปไหนมาไหนด้วยกันแบบครอบครัวใหญ่เป็นสไตล์ของคนกลุ่มนี้ แถมมักนัดพบปะตลอดเวลาเลยทำให้ยิ่งแพร่ระบาดกันยกครอบครัว
อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ กล่าวว่า การรวมกลุ่มสังสรรค์ภายในครอบครัวเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ไวรัสแพร่ระบาดหนักขึ้น ไม่ต้องดูอื่นดูไกลเพื่อนคนไทยคนหนึ่งป้องกันดูแลตัวเองและลูกอย่างดี ถึงขั้นแยกห้องแยกชั้นในบ้านกับสามีอเมริกัน เพราะสามีและครอบครัวของสามีเป็นพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ และมักเปรยให้ฟังเสมอว่าไอ้โควิดเนี่ยน่ะเป็นแค่ข่าวลือของพวกเดโมแครต ที่จ้องทำลายพ่อทรัมป์สุดที่รักสุดเท่านั้นเอง แถมไม่เชื่อด้วยว่าการไปโบสถ์จะทำให้ติดโควิด แม่สามีเลยไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ สุดท้ายก็ติดโควิดจนได้
ขณะนี้นอนอยู่โรงพยาบาลในเมืองจุดที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุด ตอนนี้อยู่ทางตอนเหนือและแถบมิดเวสต์ ลามไป 35 รัฐ จาก 50 รัฐ ปรากฎว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นไม่หยุดและจำนวนผู้ป่วยใหม่สูงขึ้นอย่างน่ากลัว งานนี้อดีตประธานาธิบดีโอบาม่า ถึงกับหัวร้อน เพราะจะว่าไปมิดเวสต์ นี่คือบ้านของโอบาม่าเลยก็ว่าได้ ด่าดังฟังชัดว่าทรัมป์ไม่ทำอะไรเลย แม้กระทั่งจะป้องกันตัวเองและครอบครัวให้พ้นจากโควิดก็ยังทำไม่ได้ เพราะขนาดสถานการณ์เลวร้ายขนาดนี้ทรัมป์ยังยืนยันให้ภาคธุรกิจเปิดให้บริการฮาโลวีนปีนี้ เลยกลายเป็นฮาโลวีนสยองของแท้
นอกจากไม่ค่อยมีบ้านไหนอยากเล่นอยากฉลองแล้ว เผลอๆเจ้าบ้านนอนป่วยในโรงพยาบาลกันทั้งนั้น ร้านอาหารประเภทร้านขาประจำละแวกบ้านมีพนักงานติดโควิดแทบทุกร้าน แต่ไม่มีมาตรการติดตามตัวอะไรเลย ลูกค้าที่เข้ามากินดื่มในร้านต้องลุ้นเอาเองว่าติดหรือไม่ติดโควิด เจ็บไข้ได้ป่วยก็รักษากันเอง กินยาไทลีนอลกันไป หากไม่ไหวก็หามกันไปโรงพยาบาล รอดก็อยู่ต่อ อาการหนักก็ตายไป เหมือนใบไม้ร่วงในฤดูนี้นั่นแหละ
..............................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี