จาก วัคซีน ถึงเสาไฟ และกรมสรรพสามิต
มาถึงวันนี้ ไม่ต้องเรียกร้อง ไม่ต้องมาวิเคราะห์วิจัยกันให้มากเรื่องแล้วว่า วัคซีนชนิดใดดีกว่าวัคซีนชนิดใด ฉีดแล้วจะตายหรือไม่ตาย หรือจะมีผลข้างเคียงอย่างไร ขอเพียงมีวัคซีนให้พอกับจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนขอฉีด ขอเพียงสถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ ไม่เลื่อนนัด หรือขอเพียงอย่าให้สับสนว่าจะได้ฉีดวันไหนแน่ วัคซีนจะมีพอหรือไม่พอ
นั่นอาจจะเป็นเพราะ
โควิด 19 มันไม่ใช่โรคระบาดเล่นๆ มีคนเจ็บ คนตายให้เห็นจริงๆ ไอ้ที่โฆษณาชวนเชื่อว่า รัฐบาลเอา โควิด 19 มาขู่เพื่อไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมือง หรือเอาโควิด 19 มาทำรัฐประหาร นั่นไม่ใช่ ที่ผ่านมา ช่วงไหนที่โควิดซาก็ชุมนุมกันได้อยู่ ออกมาเดินถนนได้อยู่
และเมื่อมีวัคซีนออกมาสู้กับโควิด มีความพยายามที่จะให้เกิดความยุ่งยากขึ้นกับการสาธารณสุขของประเทศ เป็นต้นว่า ทำไมรัฐบาลไม่รีบหาวัคซีน พอมีข่าว่ารัฐบาลมองหา ก็บอกว่า ทำไมไม่รอผลศึกษาก่อน จะเอาประชาชนเป็นหนูทดลองหรืออย่างไร
ครั้นได้วัคซีนมาก็บอกไม่ได้เรื่อง ทำไมไม่เอายี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ บางรายไปฉีดต่างประเทศ เพื่อจะบอกว่า รัฐบาลไม่ใส่ใจประชาชนหนึ่ง และจะได้อวดรวยอีกหนึ่ง
ไอ้นักการเมืองบางคนอวดดีอวดฉลาด จะเจรจากับผู้นำประเทศนั้นประเทศนี้เอาวัคซีนมาให้ ทั้งที่ตัวมันระเหระหนหนีคุกหนีตะรางอยู่ด้วยซ้ำ
ไอ้นักการเมืองบางคนบางพรรคประกาศเอาดี เอาหล่อ บอกว่ามันจะไม่ฉีดวัคซีน จนกว่าประชาชนจะได้ฉีดก่อน แต่พอวัคซีนมา มันยกโขยงกันไปฉีดก่อนประชาชนทั้งพรรคเลย
มาวันนี้จะขอสิทธิฉีดให้ผู้ติดตามพวกมันอีก
โอ พวกมันช่างรักประชาชนเอาเสียจริงๆ
ข้างฝ่ายรัฐบาล (ข้างฝ่ายนักการเมือง) เรียกร้องให้ประชาชนช่วยๆกันไปลงทะเบียนฉีดวัคซีนกันเยอะๆ จะได้มีภูมิคุ้มกันหมู่ จะได้เปิดประเทศ ประชาชนจะได้ทำมาหากินได้
ถึงเวลา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตั้งโรงพยาบาลสนามรับมือกับโควิดเป็นแห่งแรกถูกเท เพราะวัคซีนที่คาดว่าจะส่งให้โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงสัยว่า จัดสรรไปให้นักการเมืองก่อนหรือไม่ (ธรรมศาสตร์จึงต้องเลื่อน)
เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่า เขาลงทะเบียนหมอพร้อมไว้ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
เพื่อนพ้องถามว่า ทำไมเลือกโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เขาให้เหตุผลว่า “ยังไงมันก็ไม่กล้าเบี้ยวโรงพยาบาลทหารหรอก”
ฟังแล้วก็มีเหตุผล มีเหตุผลเหมือนที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เลือกจังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการระดมฉีดวัคซีนที่จะเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยมองข้ามจังหวัดอื่น เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา เชียงใหม่ เชียงราย
เออก็พอเข้าใจอยู่
มันเป็นเหตุผลเดียวกับที่เราเห็นภาพและข่าวตามโชเซี่ยลมีเดีย ที่ อบต อบจ ต่างๆแข่งกันสร้างเสาไฟฟ้า ชนิดต่างๆ ล้วนแสดงให้เห็นธาตุแท้ หรือสันดานของนักการเมืองท้องถิ่นนั้นๆ ว่า พวกเขาคิด และกำลังทำอะไร
พวกเขาสร้างเสาไฟ เพื่อส่องสว่าง เพื่ออำนวยความสะดวดสบายกับประชาชนที่สัญจรไปมาตามถนน ตามตรอก ซอก ซอย
ถ้าเขานึกถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง คือให้ความสว่างแต่ถ้านึกถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับก็คือ ใช้งบประมาณให้มันเต็มที่ สร้างให้มันพิลึกพิลั่นเข้าไว้ ไม่ต้องมีรสนิยมวิไล แต่ให้มันบรรลัยวอดวายกับงบประมาณ ปักมันไปในรกในพง ยิ่งมากยิ่งได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองเยอะ
เป็นอย่างนี้กันหมดละครับทั้งนักการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับชาติ
มีที่นึกถึงประชาชนไหม ?
คนดีก็พอมีให้เห็น อย่างที่พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้เครื่องจักสานเป็นโคมไฟ
ถามว่า ไอ้พวกที่มันสร้างเสาไฟพิลึกพิลั่นมันจะหน้าชาไหม ?
ไม่หรอก มันจะหน้าชาเมื่อประชาชนลุกขึ้นมาปฏิเสธมัน ถ่มถุยใส่มัน ด้วยการไม่เลือกมัน
มาถึงกรมสรรพสามิต !
ในยุคสมัยนี้ สมัยที่การสื่อสารถึงกันง่าย ใครชั่ว ใครเลว รับรู้กันได้ง่าย ยังมีข้าราชการออกไปล่อซื้อน้ำส้มคั้น 500 ขวด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนในยุคโควิด 19 นี้ได้อย่างไร
คุณเรียนจบจากที่ไหน พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ไม่ได้สั่งสอนหรือว่า ปลายทางที่เล่าเรียนจะต้องรับใช้ประชาชน
ถ้าการคั้นน้ำส้มโดยที่ไม่มีเครื่องจักร เป็นความผิด จะต้องเสียภาษีสรรพสามิต คุณก็ต้องบอกเขาว่าจะต้องทำอย่างไร ยื่นเสียภาษีที่ไหน อย่างไร
ไม่ใช่ล่อซื้อ หลอกจับ
เขาทำมาหากินสุจริต คั้นน้ำส้มขายนะครับ ไม่ใช่ขายผงขายแป้ง
เฮ้อ !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี