แม้จะเบื่อแสนเบื่ออย่างไร ยังคงต้องเขียนถึงสถานการณ์โควิดในอเมริกา เพราะลุงแซมยังครองแชมป์แบบไม่มีชาติไหนโค่นลง และดูทรงแล้วคงจะไม่มีชาติไหนอยากแซง
ยอดป่วยสะสมในอเมริกาวันนี้อยู่ที่หลัก 41 ล้านกว่า เสียชีวิต 678,117 ราย อัตราการเสียชีวิต 2049 รายจากประชากรหนึ่งล้านคน แน่นอนว่ารัฐระบาดจัดหนักเต็งห้ายังครองแชมป์ นั่นคือ แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส ฟลอริด้า นิวยอร์ก และอิลลินอยส์ แต่ที่ดูทรงแล้วน่าห่วงไม่แพ้ห้าอันดับแรกคือรัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ทางใต้และยอดฉีดวัคซีนไม่สูงเท่าที่ควร ยอดตายเลยพุ่งพรวดอย่างน่าวิตก
อาทิตย์ที่แล้วเขียนเล่าเรื่องคุณครูคนหนึ่งไม่ยอมไปฉีดวัคซีน แล้วมีอาการของโควิด 19 แต่คิดเอาเองว่าตัวเองเป็นแค่ภูมิแพ้ เลยไปสอนหนังสือแถมไม่ใส่หน้ากากในห้องเรียน อ่านออกเสียงดังๆ ให้นักเรียนฟัง สุดท้ายติดโควิดเพียบ ลามไปถึงห้องอื่นและผู้ปกครอง
เดือนนี้ทุกโรงเรียนในอเมริกาเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติ ราวกับว่าโลกนี้ไม่มีโรคระบาดชื่อโควิด 19 ผลคือยอดเด็กติดโควิดพุ่งพรวด จากรายงานข่าวพบว่าเด็กอเมริกันเกือบ 252,000 คนติดโควิดสูงอย่างชนิดที่เรียกว่าทำลายสถิติแซงหน้าปีกลาย
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ (American Academy of Pediatrics) และสมาพันธ์โรงพยาบาลเด็ก (Children's Hospital Association) พบว่ามีเด็กอเมริกันไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคนติดโควิด เฉพาะเดือนที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 750,000 รายที่ป่วยโควิด
อัตราการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลเด็กต่อ 100,000 คน นั้นอยู่ในจุดสูงสุดของวิกฤตการระบาดสูงกว่า 600% นับตั้งแต่วันชาติ คือเดือนกค. หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือในรัฐเท็กซัสนั่นแหละ อย่างที่เคยเขียนถึงบ่อยๆ ว่าเกิดการคัดง้างงัดข้อกันระหว่างนักการเมืองไม่ต่างไปจากไทย เช่น พอมีนโยบายจากรัฐบาลกลางบังคับสวมหน้ากาก รัฐบาลโจ ไบเดน ซึ่งมาจากพรรคเดโมแครตออกคำสั่ง หากผู้ว่าการรัฐไม่ใช่สายเดโมแครต ก็มักไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง หรือหนักกว่านั้น บางรัฐมีผู้ว่าการรัฐสายรีพับลิกัน แต่นายกเทศมนตรีสายเดโมแดรต ก็ตีกันออกสื่อ ออกคำสั่งแย้งกันเองให้พลเมืองรัฐปวดหัวอยู่บ่อยๆ
ตอนนี้ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือรัฐฟลอริด้ากับเท็กซัส ทั้งสองรัฐมีผู้ว่าการรัฐสายพรรครีพับลิกัน ทั้งคู่ออกคำสั่งห้ามบังคับสวมหน้ากากอนามัยภายในโรงเรียน ผลพวงของการออกคำสั่งห้ามของผู้ว่าการรัฐพบว่าเด็กจำนวนมากต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเป็นโควิด และป่วยในอัตราสูงกว่าที่อื่นๆในอเมริกา คุณแม่ของเด็กหญิงเบรนนาห์ กูร์แกเนียส ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ลูกสาวติดโควิดหลังไปเรียนในโรงเรียนได้เพียงไม่กี่วันและตอนนี้เธอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในรัฐเท็กซัสอีกเหมือนกัน คาลี คุก เด็กหญิงชาวเท็กซัสวัย 4 ปีเสียชีวิตจากโรคโควิด ทั้งพ่อและแม่เป็นพวกต่อต้านการฉีดวัคซีน โดยเด็กหญิงรายนี้ติดจากแม่ของเธอนั่นเอง และตอนนี้ลูกชายวัย5 เดือนก็ติดโควิดจากแม่เช่นกัน
นี่ก็พอกันกับผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ผู้ว่าการรัฐฟลอริด้าคัดค้านการให้ประชาชนสวมหน้ากากและฉีดวัคซีน คือค้านทั้งใส่หน้ากากและฉีดวัคซีนว่างั้น แถมห้ามไม่ให้โรงเรียนต่างๆ บังคับให้นักเรียนใส่หน้ากากไปเรียนด้วย ผลคือทั้งครู เด็ก และเจ้าหน้าที่โรงเรียนป่วยกันระนาว
อาทิตย์นี้ โจ ไบเดนออกมาตรการใหม่ ประกาศปังดังลั่นประเทศว่า จากนี้ไปไอขอบังคับให้บริษัทเอกชนทั้งหลายที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน ต้องฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตรวจเชื้อทุกสัปดาห์ ก่อนหน้านี้มีการบังคับให้พนักงานลูกจ้างรัฐทุกรัฐฉีดวัคซีน รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขราว 17 ล้านคนตามสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการเมดิแคร์ของรัฐบาลถูกบังคับฉีดวัคซีนเช่นกัน อย่าคิดว่าพวกเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลจะฉีดวัคซีนแล้วทุกคนนะ พวกนี้ไม่ฉีดเพียบ แถมปิดเงียบ ไม่มีใครรู้หรอกว่ายังไม่ได้ฉีด
สิ้นคำประกาศ บรรดาหนุ่มสาวโรงงานด่าไบเดนกันระงม เพราะพวกนี้ส่วนมากเป็นกลุ่มสนับสนุนทรัมป์และไม่ยอมฉีดวัคซีน ทั้งที่ฉีดฟรี แถมบางเมืองบางรัฐมีของแจกของแถมฟรี ก็ยังไม่ยอมไป นี่เป็นการทุบโต๊ะปังของลุงโจ
จะว่าไปแล้ว ลุงเองก็พลาดด้วยนะ ประมาทสายพันธุ์เดลต้า เพราะก่อนหน้าประกาศเองเลยว่าให้อเมริกันชนถอดหน้ากาก ในกรณีที่ฉีดวัคซีนแล้ว ลุงไว้ใจพลเมืองอเมริกันมากเกินไป เพราะไอ้พวกที่ไม่ฉีดก็เนียนถอดไปด้วย จนตอนนี้ถึงจะมีคำสั่งให้ใส่หน้ากาก แต่แทบไม่มีใครใส่หน้ากากกันอีกแล้ว กฎน่ะมี..แต่พวกนี้ทำเป็นไม่รู้ไม่ดูไม่แคร์ทั้งนั้น ซ้ำร้ายกว่านั้นดันมีการซื้อขายเอกสารฉีดวัคซีนอย่างโจ่งครื่มออนไลน์
แน่นอนว่า..รีพับลิกันด่าโลด ด่ารัวๆ ว่าไอ้ลุงโจ ไบเดนนี่โคตรเผด็จการเลยจริงๆ เอ๊ะ..คุ้นๆ นะ คำนี้ แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นอเมริกันด่ากันเองว่า “เผด็จการ” แหม..นี่ถ้าลุงโจเป็นเผด็จการ แล้วลุงทรัมป์เป็นประชาธิปไตยเหรอ ถามจริ๊งงงงงง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พอลุงโจประกาศปั๊บว่าให้พนักงานโรงงาน บริษัท ห้างร้าน ลูกจ้างรัฐบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปฉีดวัคซีน กลุ่มเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแห่ลาออกซะงั้น จนส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขบางพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลแห่งหนึ่งบริเวณทางเหนือของรัฐนิวยอร์กต้องระงับทำคลอดทารก หลังมีบุคลากรในแผนกสูติกรรมหลายคนลาออก เนื่องจากคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19
นี่ขนาดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ควรเป็นที่พึ่งของประชาชนยังขนาดนี้ ใครจะไปคิดว่านี่คือดินแดนอารยะที่คนไทยบางส่วนชอบอ้างถึงรัวๆ เพื่อด้อยค่าประเทศไทย พวกที่ไม่ยอมฉีดมักเอาคำว่า “สิทธิ” และ “เสรีภาพ” มาอ้าง อ้างเรื่องสิทธิและเสรีภาพของตัวเอง ไม่ยักคิดถึงสิทธิในการป้องกันตัวของคนอื่นบ้างเลย
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนเหล็ก อาโนลด์ ชวาสเน็กเกอร์ ที่เพิ่งโวยวายออกสื่อเดือนก่อน ทั้งที่ลุงอาโนลด์เป็นริพับลิกันนี่แหละ แต่ด่ากระจายไม่ไว้หน้าพวกสาวกรีพับลิกันบ้างเลย แกจัดหนักแบบนี้
“ไอ้พวกที่ชอบบอกว่าอเมริกาเป็นประเทศเสรี และเรามีเสรีภาพในการไม่ใส่หน้ากากนะโว้ย ใช่..พวกคุณมีเสรีภาพในการไม่ใส่หน้ากากก็จริง แต่พวกคุณนี่แหละคือไอ้งั่ง คนอย่างพวกคุณนี่แหละที่ชอบบอกว่านี่คือเสรีภาพที่ใครขัดขวางไม่ได้ เย..แม่เสรีภาพของคุณสิ เสรีภาพต้องมาควบคู่กับความรับผิดชอบ หุบปากเสียที พอเสียเถอะกับการบอกว่า ฉันมีเสรีภาพในการทำ 1..2..3 โน่นนี่นั่น เพราะไอ้เสรีภาพที่คุณอ้างเนี่ยมันส่งผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น”
แหม..อยากให้ลุงโจ ไบเดนติดต่อลุงอาโนลด์เดินสายไปอบรมตามบริษัทโรงงานและสถานพยาบาลต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่และพยนักงานประท้วงเรื่องการฉีดวัคซีนจริงๆ ให้ตายเหอะ..
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี