บ้านแพน ตลาดมีชีวิตบนวิถีคนลุ่มน้ำเมื่ออดีต
ในอดีตช่วงปี พ.ศ. ๒๔๗๐ บ้านแพน อยุธยา เป็นชุมชนใหญ่มีผู้คนอยู่รวมกันมาก ด้วยทำเลที่นี่ เป็นศูนย์กลางค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและสัญจร สามารถเดินทางสะดวกโดยมีเรือเมล์โดยสารวิ่งขึ้นเหนือไปวิเศษไชยชาญ อินทร์บุรีถึงเมืองสรรคบุรี ทั้งเป็นทางผ่านประตูน้ำเจ้าเจ็ด-บางยี่หนสู่เมืองสุพรรณบุรี ฝั่งขาล่องก็ไปเมืองอื่นทั้งใกล้ไกลถึงท่าเตียน เหล่าเรือเอี้ยมจุ๊นขนาดใหญ่จอดเทียบฝั่งเพื่อขายข้าวเปลือก ข้าวสาร ถ่านไม้ น้ำตาลและของอื่นจิปาถะ
ถอดจากบทประพันธ์เรื่อง “หลายชีวิต” โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เริ่มต้นหน้าแรกด้วยเนื้อหาดังนี้:
“คืนวันนั้น ฝนตกหนักพายุพัดอย่างแรง กระหน่ำเม็ดฝนให้สาดลงสู่พื้นดินและท้องน้ำประดุจเม็ดฝนนั้นเป็นของแข็ง เรือเมล์โดยสารลำหนึ่งแล่นออกจากบ้านแพน มุ่งหน้าสู่พระนคร บรรทุกผู้โดยสารเต็มเพียบ แล่นฝ่ากระแสน้ำท่ามกลางเสียงฝนและพายุที่เพิ่มกำลังรุนแรงขึ้นทุกที”
อีกหนึ่งผู้ประพันธ์เพลง “แม่ค้าตาคม” โดยไพบูลย์ บุตรขัน คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ ได้ร่ายในเนื้อเพลงว่า “พี่พบเนื้อนวล มานั่งเรือด่วนสายบ้านแพน เราต่างรักกันเหมือนแฟน เมื่อเรือด่วนแล่นถึงเมืองปทุม เรือด่วนวิ่งไป เหมือนหัวใจพี่ตกหลุม พี่หลงรักแม่เนื้อนุ่ม แม่ค้าสาวชาวบ้านแพน”
พื้นน้ำริมฝั่งตลาดบ้านแพนที่มีเรือเมล์เขียว เรือเมล์แดง เรือสองชั้นของกิ้มฮ้อ เรือมิตรบ้านแพน ๑-๒-๓ แล่นรับส่งผู้โดยสาร ตลาดยามเช้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เรือแม่ค้าสัญจรไปมาและเรือของพระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เป็นภาพปกติทุกวันของวิถีผู้คนที่นี่ หากแต่ในปัจจุบัน วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยน เรือเอี้ยมจุ๊นกลายเป็นเรือด่วน รถหัวลากและสิบล้อมารับส่งสินค้าเข้ามาแทนที่ เพราะถนนหนทางสมัยใหม่จะสะดวกสบาย ต่างขายเรือมาซื้อรถปิ๊กอัพ รถเก๋ง ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็ถึงกรุง ผิดกับเมื่อก่อนต้องแล่นทั้งคืน ต่อเมื่อเช้าจึงถึงท่าเตียน
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือร้านอาหารดั้งเดิมบนแพผูกริมตลิ่ง เป็นร้านแบบข้ามาคนเดียวทำทุกอย่างเหมือนคนพื้นถิ่นกินกัน ถึงกับมีอหังการขึ้นป้ายว่า “ไม่อร่อยไม่คิดเงิน” ด้วยรายการอาหารที่มีเพียง 6 อย่าง
ผัดฉ่าลูกชิ้นปลากราย
ปลากรายจากแม่น้ำน้อย ขูดเอาแต่เนื้อปลาสับแล้วนวดด้วยตนเอง เนื้อลูกชิ้นนุ่มเหนียวกำลังกิน ลำพังฝีมือการนวดก็รัญจวนลิ้นกินขาด เจ้าไหนที่ว่าดังมาวัดฝีมือกันได้ การผัดฉ่าก็พรั่งพร้อมด้วยสมุนไพรสดพื้นบ้าน ทั้งใบมะกรูด กะเพรา กระชาย มากันครบ ขอติงเพียงาการใส่เจ้าข้าวโพดอ่อนจะทอนรสชาติไปหน่อย
คะน้าหมูกรอบ
หนักไปทางก้านคะน้าปอกผิว พร้อมด้วยหมูกรอบ ผัดกับพริกสับราดน้ำมันหอย เปิดไฟลุกโชนเป็นไฟประลัยกัน สลัดกระทะเล่นกับไฟไม่กี่ตลบ ตักใส่จาน ก้านคะน้าเคี้ยวกรอบเหมือนร่ายมนต์
ทอดมันปลากราย
ขอยกย่องทิดต้อยเป็นเอตทัคคะแห่งการนวดปลากรายได้เหนียวพอดี ไม่ยุ่ยหรือไม่เหนียวเหมือนยางในจักรยาน หอมพริกแกงพอละมุนกลิ่น กินควบกับน้ำอาจาดที่ปรุงได้ฉมัง ขอยกให้เป็นทีเด็ดประจำวัน
ต้มยำกุ้ง
ดูสีสันเหมือนต้มมาง่ายๆ ธรรมดา ไม่ขี้เหนียวสาระพัดสมุนไพรพื้นบ้าน ลักษณะดุดันไม่เบา ต่อเมื่อซดชิมคำแรก ต้องยกนิ้วให้ที่ครบรสชาติพอดิบพอดี ใส่กุ้งสดให้มามากว่าจำนวนคน
กุ้งเด้ง
หลังจากกินกุ้งในจานต้มยำแล้ว กุ้งทอดกระเทียมก็สดเหมือนเพิ่งดีดขึ้นจากน้ำ ทิดเจ้าของร้านภูมิใจกับจานนี้มาก เห็นลูกค้าแย่งกันตักทิดแกชื่นใจยิ้มไม่หุบ
ข้างลูกค้าเองก็อิ่มเอมใจในรสชาติแบบเก่าแก่ สั่งกินครบทุกรายการพอดีกับเวลาปิดร้าน มั่นใจว่าจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
ครัวทิดต้อย แพลอยน้ำ
25 ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13110
โทร. 086 791 8408
เปิด 9.00น.- 14.00น. (หยุดทุกวันจันทร์)
https://maps.app.goo.gl/4rjCVnGTH5EuK3tJ6
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี