วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ใครก็ไม่รู้เคยระบุว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด
จากนั้นก็มีคนออกมาโต้แย้งและนำเสนอข้อมูลที่สวนทางกันมากมาย
ข้อมูลที่นำมาเสนอและอ้างอิงมากที่สุด คือผลสำรวจการอ่านของประชากร ประจำปี พ.ศ. 2561 จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 55,920 ครัวเรือนทั่วประเทศ
ผลสำรวจดังกล่าวบอกว่า คนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไปใช้เวลาอ่านเฉลี่ยมากถึงวันละ 80 นาทีเพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาในปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 66นาทีต่อวัน ส่วนเยาวชนไทยเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาอ่านมากที่สุดคือเฉลี่ยวันละ 109 นาที
ไม่เพียงเท่านั้นแนวโน้มการอ่านของคนไทยยังเพิ่มขึ้นอีกด้วยโดยปี พ.ศ. 2551 มีอัตราการอ่านร้อยละ 66.3 ปี พ.ศ. 2554ร้อยละ 68.6 ปี พ.ศ. 2558 ร้อยละ 77.7 และปี พ.ศ. 2561อัตราอ่านของคนไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 78.8 หรือกว่า 49.7ล้านคน
และจากผลการศึกษาอัตราการรู้หนังสือและการอ่านของประชากรใน 61 ประเทศทั่วโลกโดยมหาวิทยาลัย Central Connecticut State in New Britain ของสหรัฐอเมริกา
พบว่าประเทศในแถบนอร์ดิกมีอัตราการรู้หนังสือและการอ่านมากที่สุด โดยอันดับ 1 เป็นของฟินแลนด์ ตามด้วยไอซ์แลนด์เดนมาร์ก และสวีเดน ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 56
ซึ่งก็ไม่ถึงกับแย่จนเกินไปถ้าพิจารณาว่าโลกปัจจุบันนี้มีทั้งหมด193 ประเทศ
ผ่านการอ่านแค่ไหนไปแล้ว ลองมาดูกันว่าคนไทยอ่านอย่างไร
จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าคนไทยอ่านข้อความจากสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุดร้อยละ 61.2โดยมีหนังสือพิมพ์รองลงมา ตามด้วยแบบเรียน และหนังสือทั่วไป
สื่อสังคมออนไลน์ที่ว่านี้ที่สำคัญก็คือพวกแชตพวกโพสต์ทั้งหลายที่เชื่อถือได้บ้างไม่ได้บ้าง มากกว่าเว็บไซต์ที่ให้ความรู้และเป็นทางการ
และถ้าจะถามต่อไปว่าคนไทยชอบอ่านอะไรแล้วสถิติการขายหนังสือคงพอตอบได้
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยได้เก็บสถิติซึ่งช่วยให้เห็นแนวโน้มการอ่านหนังสือของคนไทยมากขึ้นโดยหนังสือที่ขายดีที่สุดในงานหนังสือปี พ.ศ.2564คือการ์ตูนและไลท์โนเวลหรือพูดให้ตรงแบบไม่อ้อมค้อมที่ผู้คนในวงการหนังสือรู้กันก็คือพวกนวนิยายแปลจากไต้หวันและเกาหลีที่มีเนื้อหากระเดียดไปในทางชายรักชายทั้งสองประเภทนี้เป็นหนังสือที่ขายดีติดต่อกันมานานหลายปี
ปี พ.ศ. 2565 หนังสือที่ขายดีที่สุดก็ยังเป็นหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล เหมือนเดิมมีการพยายามอธิบายกันว่าวัฒนธรรมการอ่านในปัจจุบันมีความหลากหลายและเฉพาะตัวมากขึ้น การอ่านขยายตัวสู่การอ่านทุกรูปแบบ ทุกที่ ทุกเวลาโดยการอ่านแต่ละแบบตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ละคน
แต่หากวัฒนธรรมการอ่านพัฒนาจากการอ่านแบบเจาะลึกผ่านสื่อหนังสือหรือเอกสารที่เชื่อถือได้ ไปสู่การอ่านแบบฉาบฉวยเร่งรีบในภาวะแวดล้อมของสังคมปัจจุบันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่แทบจะไม่คำนึงถึงความเชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้
ยิ่งจากการนิยมอ่านหนังสือดี ๆ มีสาระไปสู่การนิยมอ่านหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวลด้วยแล้วอนาคตของเราก็น่าเป็นห่วง
เพราะวัฒนธรรมการอ่านมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อผู้อ่านในฐานะปัจเจกชน ต่อสังคมที่ต้องอาศัยเศรษฐกิจฐานความรู้และต่อประเทศชาติโดยองค์รวมที่ต้องอยู่ให้ได้ท่ามกลางการแก่งแย่งแข่งขันในระบอบทุนนิยม
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

‘พูห์-พาเวล’ส่งซิงเกิลใหม่ “ผู้ต้องสงสัย (MY CRIME)” OST.สิงสาลาตาย เพิ่มดีกรีความอินให้กับแฟนๆ
Y2Z เอาใจ FC ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘อ้อมกอดใกล้ฉัน’ โชว์ความน่ารักสดใส กับแนวเพลง Funky disco pop
โอ๊ยเล่าเรื่อง 'มือปืน (The Last Shot)'
‘กรมราชทัณฑ์’นั่งไม่ติด รูป‘แม้ว’โผล่เวทีเสก ยืนยันไม่ใช่ภาพจริง
สว.จ่อค้านนิรโทษ คดีเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดคดีม.112 เล็งถกผู้มีส่วนได้เสีย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี