ใครก็ไม่รู้เคยระบุว่า คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด
จากนั้นก็มีคนออกมาโต้แย้งและนำเสนอข้อมูลที่สวนทางกันมากมาย
ข้อมูลที่นำมาเสนอและอ้างอิงมากที่สุด คือผลสำรวจการอ่านของประชากร ประจำปี พ.ศ. 2561 จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 55,920 ครัวเรือนทั่วประเทศ
ผลสำรวจดังกล่าวบอกว่า คนไทยอายุ 6 ปีขึ้นไปใช้เวลาอ่านเฉลี่ยมากถึงวันละ 80 นาทีเพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาในปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 66นาทีต่อวัน ส่วนเยาวชนไทยเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาอ่านมากที่สุดคือเฉลี่ยวันละ 109 นาที
ไม่เพียงเท่านั้นแนวโน้มการอ่านของคนไทยยังเพิ่มขึ้นอีกด้วยโดยปี พ.ศ. 2551 มีอัตราการอ่านร้อยละ 66.3 ปี พ.ศ. 2554ร้อยละ 68.6 ปี พ.ศ. 2558 ร้อยละ 77.7 และปี พ.ศ. 2561อัตราอ่านของคนไทยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 78.8 หรือกว่า 49.7ล้านคน
และจากผลการศึกษาอัตราการรู้หนังสือและการอ่านของประชากรใน 61 ประเทศทั่วโลกโดยมหาวิทยาลัย Central Connecticut State in New Britain ของสหรัฐอเมริกา
พบว่าประเทศในแถบนอร์ดิกมีอัตราการรู้หนังสือและการอ่านมากที่สุด โดยอันดับ 1 เป็นของฟินแลนด์ ตามด้วยไอซ์แลนด์เดนมาร์ก และสวีเดน ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 56
ซึ่งก็ไม่ถึงกับแย่จนเกินไปถ้าพิจารณาว่าโลกปัจจุบันนี้มีทั้งหมด193 ประเทศ
ผ่านการอ่านแค่ไหนไปแล้ว ลองมาดูกันว่าคนไทยอ่านอย่างไร
จากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าคนไทยอ่านข้อความจากสื่อสังคมออนไลน์มากที่สุดร้อยละ 61.2โดยมีหนังสือพิมพ์รองลงมา ตามด้วยแบบเรียน และหนังสือทั่วไป
สื่อสังคมออนไลน์ที่ว่านี้ที่สำคัญก็คือพวกแชตพวกโพสต์ทั้งหลายที่เชื่อถือได้บ้างไม่ได้บ้าง มากกว่าเว็บไซต์ที่ให้ความรู้และเป็นทางการ
และถ้าจะถามต่อไปว่าคนไทยชอบอ่านอะไรแล้วสถิติการขายหนังสือคงพอตอบได้
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยได้เก็บสถิติซึ่งช่วยให้เห็นแนวโน้มการอ่านหนังสือของคนไทยมากขึ้นโดยหนังสือที่ขายดีที่สุดในงานหนังสือปี พ.ศ.2564คือการ์ตูนและไลท์โนเวลหรือพูดให้ตรงแบบไม่อ้อมค้อมที่ผู้คนในวงการหนังสือรู้กันก็คือพวกนวนิยายแปลจากไต้หวันและเกาหลีที่มีเนื้อหากระเดียดไปในทางชายรักชายทั้งสองประเภทนี้เป็นหนังสือที่ขายดีติดต่อกันมานานหลายปี
ปี พ.ศ. 2565 หนังสือที่ขายดีที่สุดก็ยังเป็นหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล เหมือนเดิมมีการพยายามอธิบายกันว่าวัฒนธรรมการอ่านในปัจจุบันมีความหลากหลายและเฉพาะตัวมากขึ้น การอ่านขยายตัวสู่การอ่านทุกรูปแบบ ทุกที่ ทุกเวลาโดยการอ่านแต่ละแบบตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันของแต่ละคน
แต่หากวัฒนธรรมการอ่านพัฒนาจากการอ่านแบบเจาะลึกผ่านสื่อหนังสือหรือเอกสารที่เชื่อถือได้ ไปสู่การอ่านแบบฉาบฉวยเร่งรีบในภาวะแวดล้อมของสังคมปัจจุบันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่แทบจะไม่คำนึงถึงความเชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้
ยิ่งจากการนิยมอ่านหนังสือดี ๆ มีสาระไปสู่การนิยมอ่านหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวลด้วยแล้วอนาคตของเราก็น่าเป็นห่วง
เพราะวัฒนธรรมการอ่านมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งทั้งต่อผู้อ่านในฐานะปัจเจกชน ต่อสังคมที่ต้องอาศัยเศรษฐกิจฐานความรู้และต่อประเทศชาติโดยองค์รวมที่ต้องอยู่ให้ได้ท่ามกลางการแก่งแย่งแข่งขันในระบอบทุนนิยม
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี