เราผ่านการเลือกตั้ง ทั้งเลือกตั้งทั่วไป เลือกตั้งซ่อมมาหลายครั้งแล้วครับ เริ่มตั้งแต่ให้ตัวแทนตำบลเลือกผู้แทน เลือกแบบรวมจังหวัด เลือกแบบแบ่งเขต และเมื่อมีพรรคการเมืองเกิดขึ้น ก็เลือกนักการเมืองที่สังกัดพรรคบ้าง ไม่สังกัดพรรคบ้าง
แต่ใครจะได้จัดตั้งรัฐบาลนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงในรัฐสภา (รัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภา) การจัดตั้งพรรคการเมืองจึงค่อนข้างชัดเจนที่ทำให้มองเห็นว่าพรรคใดได้รับเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก มองออกว่าพรรคใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล
ถ้าเลือกตั้งมาได้คะแนนไม่ห่างกันมาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่สังกัดพรรคก็จะมีค่า มีราคาขึ้นมาทันที พรรคที่มีคะแนนเสียงดีต่างก็จะมาเชิญชวนให้เข้าร่วมให้สนับสนุน
พรรคที่ไปเชื้อเชิญเขาก็ต้องลงทุน จ่ายค่าใช้จ่ายในการหาเสียงให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนนั้น แถมยังจะต้องเพิ่มเงินพิเศษให้อีก หรืออาจจะมอบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ หรือรัฐมนตรีว่าการให้ด้วย
ขึ้นอยู่กับเกียรติยศชื่อเสียง หรือความสำคัญ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนนั้นๆ
นี่เป็นการถอนทุนอย่างหนึ่ง (นอกเหนือจากมาถอนตอนเป็นรัฐมนตรี)
เพื่อป้องกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขายตัว จึงได้ออกกฎหมายใหม่ให้นักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรค มันก็มีทางออกสำหรับนักการเมืองเลวได้อีก คือการย้ายพรรค
ต่อมาต้องออกกฎอีกห้ามย้ายพรรค (แต่ก็มีข้อยกเว้นไว้ให้)
สารพัดวิธีครับเพื่อที่จะให้นักการเมืองอยู่ในร่องในรอย ต้องกำหนดเอาไว้ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ต้องสังกัดพรรคมาแล้วกี่วัน นี่ก็เพราะก่อนนี้ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรค แต่ไม่กำหนดเวลาเอาไว้ เช้านักการเมืองบางคนก็จะโผล่ไปที่พรรคการเมืองหนึ่ง เย็นก็จะไปโผล่อีกพรรคการเมืองหนึ่ง ที่เร่ไปเร่มาก็เพื่อจะดูว่าข้อเสนอพรรคการเมืองใดดีกว่า
พอมีข้อบังคับว่าจะต้องสังกัดพรรคกี่วัน มันก็มีทางออกสำหรับนักการเมืองเลวอีกนั่นแหละ โดยมันเริ่มพิจารณาเสียเลยว่าพรรคใดมีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล ไอ้เลวพวกนี้มันต้องสังกัดพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล หรือได้ร่วมรัฐบาล
เพราะเป็นฝ่ายค้านมันอดอยากปากแห้ง คนพวกนี้มันถนัดใช้งบประมาณ ใช้แล้วมันก็รวยขึ้นมาเห็นๆ
เห็นไหมเล่าครับ หน่วยการบริหาร การปกครองย่อยๆ มันจึงเอาอย่าง ตั้งแต่ อบต. อบจ. เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร มันงาบกันจนพุงกาง เพราะมีสนามระดับชาติให้มันดู มันอยู่หมู่บ้าน อยู่ตำบล มันก็ต้องหากินกับเสาไฟส่องสว่าง สนามเด็กเล่น งบต้นไม้ ปรับภูมิทัศน์ ฯลฯ
ทำมาหากินจากสนาม อบต. อบจ . แล้วเราก็เห็นหลายคนขยับทำมาหารับประทานในระดับประเทศ
การย้ายพรรค หรือการสังกัดพรรค ประดาคนพวกนี้ไม่ได้คิดถึงแนวนโยบายของพรรค การดำเนินงานของพรรค เพราะพรรคมันไม่ได้มีนโยบายจริง มันตั้งกันขึ้นมาเพื่อการเลือกตั้งเอาชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล ได้อำนาจรัฐเท่านั้นเอง
หลายคนไม่ต้องไต่เต้าจากการเป็นสมาชิกพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่นางลอยมาจากฟ้าเลยก็ว่าได้ อย่างนางปู หาเสียงเพียง 40 กว่าวันก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ นักการเมืองหัวหงอกหัวดำ เก่งมาจากไหนมึงต้องค้อมคารวะหมด เช่นเดียวกับลูกสาว ทักษิณ ที่กำลังหาเสียงอยู่ขณะนี้ มาถึงก็เชื่อกันว่าจะเป็นตัวชิงนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ไม่ประสีประสาการเมือง
เพราะผู้มีอำนาจในพรรคจริงๆคือ ทักษิณ เป็นอำนาจที่ กรรมการเลือกตั้ง ก็มองไม่เห็นดูไม่ออก กฎหมายเอาผิดไม่ได้
ส่วนที่มันมาบอกประชาชนว่าจะทำนั่นทำนี่ นั่นคือการหาคะแนนนิยมของมัน เห็นไหมเล่ามันบอกว่า ค่ารถไฟฟ้าในเมืองกรุง 20 บาท เลือกมันแล้วมันเคยพูดเรื่องนี้ไหม ค่าแรง 700 มันบอกเป็นจริงแน่ 2570 คือเลือกมัน มันเป็นรัฐบาล แล้วออกไปแล้ว
มันเป็นอย่างนี้เกือบทุกพรรค เกือบจะนักการเมืองทุกคนนั่นแหละครับ
มีคุยข่มกันว่า ฝ่ายนั้นเป็นประชาธิปไตย ฝ่ายนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย มันก็คอกเดียวกัน นักเลือกตั้งด้วยกันแหละครับเป็นส่วนใหญ่ ดูภูมิหลังของแต่ละนักเลือกตั้งซีครับ มันย้ายมาแล้วกี่พรรค ยุคหนึ่งมันก็เป็นมือเป็นตีนให้ทักษิณ อีกยุคมันก็เร่มาซุกปีกประยุทธ์
แต่ละตัวมันอาศัยสนามการเลือกตั้งทำมาหากินทั้งสิ้น
มันไม่มีทางเลือกอย่างอื่น เราก็ต้องเลือก เลือกไอ้ที่มันชั่วน้อยที่สุด(ซึ่งก็เข้าใจละว่า ยากในการพิจารณา) ไอ้ที่มันชั่ว มันโกงมาแล้วเห็นๆ มันสับปลับเชื่อถือไม่ได้ชัดๆ ก็อย่าไปเลือกมัน
ขณะเดียวกัน เราประชาชนก็ต้องเข้มแข็ง รักษาผลประโยชน์ของเราและประเทศชาติ ใครที่มันเลว หลอกลวง ต้องช่วยกันถ่มถุยอย่าให้โอกาสมัน !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี