“หน้าด้าน เย้ยหยัน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย” คือพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในกระบวนการรับตัวนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรมารับโทษตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเมืองไทยครั้งสุดท้ายจนถึงวันนี้
ที่ว่า “หน้าด้าน เย้ยหยัน ไม่เกรงกลัวกฎหมาย” เพราะนับแต่กลับมาวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ ก็มีการสมคบกันใช้อำนาจอิทธิพลหักดิบกระบวนการยุติธรรมอ้างความเจ็บป่วยมาเป็นเหตุให้ต้องย้ายออกจากคุกมานอนชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจจากนั้นก็อ้างว่าป่วยหนักอาจมีอันตรายถึงชีวิตต้องอยู่ใกล้ชิดหมอกระทั่งจนวันนี้ก็ใกล้ถึงหกเดือนเข้าไปแล้ว ใครจะขอเข้าเยี่ยมให้เห็นกับตาว่าอยู่จริงป่วยจริงก็ไม่ได้อ้างว่าเป็นสิทธิของผู้ป่วย กล้องวงจรปิดโรงพยาบาลตำรวจก็เสีย จนทุกวันนี้ก็ยังเสียอยู่หาเงินมาซ่อมไม่ได้ ทั้งที่มีเงินติดกล้องจับความเร็วรถทั่วบ้านทั่วเมืองเพื่อเรียกค่าปรับไปแบ่งกัน
การพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษของกรมราชทัณฑ์ครั้งต่อไป ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นวันที่ ๑๘ ของเดือนนี้ที่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณจะได้รับการพักโทษกลับไปอยู่บ้านเหมือนคนที่ได้รับการพักโทษทั่วไป ต่างกันก็ตรงที่นักโทษทักษิณไม่เคยนอนคุกแม้แต่วันเดียวและมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ต้องติดกำไลอีเอ็มเหมือนผู้ได้รับการพักโทษรายอื่น ๆ อีกด้วย
ส่วนการเป็นผู้ต้องหาตามมาตรา ๑๑๒ จากการเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายทักษิณที่ประเทศเกาหลีใต้เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เมื่อปี ๒๕๕๗ โดยมีตอนหนึ่งพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งกองทัพบกแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้เมื่อปี ๒๕๕๘และอัยการสูงสุดในขณะนั้นมีความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ทั้งได้มีคำขอต่อศาลอาญา ออกหมายจับทักษิณไว้ภายในอายุความ ๑๕ ปี นับตั้งแต่วันเกิดเหตุโดยคดีนี้จะขาดอายุความในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๗๓ นั้น
เมื่อเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และคุณวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.)
ออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องให้อายัดตัวและดำเนินคดีมาตรา ๑๑๒ กับทักษิณหากได้รับการพักโทษทางสำนักงานอัยการสูงสุดโดย นายประยุทธ เพชรคุณโฆษกสำนักงานจึงออกมาแถลงเมื่อใกล้เที่ยงวันของวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ว่า เมื่อวันที่ ๑๗มกราคมที่ผ่านมา นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้รับผิดชอบคดีเข้าแจ้งข้อกล่าวหากับนายทักษิณแล้ว(ทั้งที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์บอกว่านายทักษิณป่วยหนักให้ใครเข้าพบไม่ได้ !) ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธพร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ซึ่งนายกุลธนิตได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของนายทักษิณพร้อมหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ เพื่อรวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อไปแล้ว
เมื่อมีการเปิดเผยว่า มีการเข้าพบแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนกรณีมาตรา ๑๑๒ พร้อมทั้งมีการรับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายทักษิณแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม๒๕๖๗ บรรดาบริษัทบริวารของนักโทษชายทักษิณก็ทยอยกันออกมาประสานเสียงให้ข่าวเป็นนัยๆ ว่า จะไม่มีการอายัดตัว และจะไม่มีอะไรขัดขวางการกลับเข้าบ้านของนายทักษิณได้หลังได้รับการพักโทษกรณีพิเศษในครั้งนี้
นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมือกฎหมายของตระกูลชินวัตรที่เคยหิ้วถุงขนมใส่เงินสด ๒ ล้านบาทไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาลในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองส่งผลให้ศาลมีคำสั่งจำคุก ๖ เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาลได้ออกมายืนยันแต่เช้าก่อนการแถลงของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเสียอีกว่ากระแสข่าวนายทักษิณ จะถูกอายัดตัวในคดีมาตรา ๑๑๒ นั้น คิดว่าไม่มีและยังมั่นใจถึงขั้นเอามือตบอกว่า ทำถูกต้องทุกอย่างล้านเปอร์เซ็นต์ และได้รับโทษ ๑ ใน ๓ครบกำหนดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่มีการอายัดตัวนายทักษิณอย่างแน่นอน
หลังเที่ยงของวันที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดออกมาเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และคณะ ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนนายทักษิณในข้อหากระทำความผิดตามมาตรา ๑๑๒เรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ผู้เห็นว่านายทักษิณเป็น “ผู้สร้างสันติภาพ”ก็รีบออกมากล่าวเบิกทางให้นายทักษิณพ้นผิดว่า คดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร และว่าคดีนี้เป็นคดีใหม่ มิหนำยังทำไขสือพูดออกมาว่า “ตอนนี้ต้องถามอัยการว่าสอบสวนแล้วหรือยังถ้าสอบสวนเสร็จแล้วก็ไม่ต้องอายัดตัว” !!!
นอกจากหน้าด้าน พยายามช่วยเหลือกันโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้วยังมีการเย้ยหยันฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมาออกมาอีกด้วย
นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) พูดถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลของ คปท. ว่า "ถามจริง ๆคปท.ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือว่าวันนี้คนไทยทั้งประเทศเขาคิดอะไรเขาเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลตอนนี้อย่างไรถ้ายังคิดไม่ออกก็หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ตั้งสติดี ๆ แล้วค่อยลืมตา มองไปรอบ ๆเวทีหน้าทำเนียบฯ ว่า เหลือประชาชนเท่าไรที่คิดเหมือนเราอยู่กับเรา เหนื่อยกับเรามีสักกี่คนแล้วคนที่มาหน้าเดิม ๆ ทั้งนั้นใช่หรือไม่ ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นใช่หรือไม่”
ส่วนลูกพี่ คือ นายภูมิธรรม ก็ใช่ย่อย กล่าวว่าตน “ไม่ได้คิดว่าม็อบ คปท. จะจุดติดหรือไม่ติดอยากแสดงออกอยากจะพูดอยากจะวิจารณ์ก็สามารถทำได้สังคมไม่ได้มีเสียงเดียวกลุ่มเดียวหรือคนเดียว ต้องดูทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร ที่ตนพูดพูดจากความเป็นจริงไม่ได้ท้าทาย”
ครับ, อย่าได้ขืนท้าทายประชาชน !
และถ้าพูดจากความเป็นจริง จริง
คนที่ทุจริตโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างทักษิณ มันมีอะไรน่าเข้าไปรับใช้มากนักหรือ ?
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี