2 สัปดาห์ที่ผ่านมา “กัน จอมพลัง” และ “ทราย สก็อต” นั้นกระแสชื่นชมยกย่องเขา 2 คนในโลกออนไลน์แรงมาก แรงจนใครเห็นต่างไม่ได้ แตะไม่ได้ จะต้องเจอข้อหา“ขี้อิจฉา - มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” นอกจากนี้ก็ยังมีคนเห็นว่า “กระแสชื่นชมยกย่องนั้นสะท้อนว่ารัฐล้มเหลว” และ “สิ้นหวังกับรัฐไทย”
หลายคนอาจรู้สึกอย่างนั้นจริง หลายคนก็รู้สึกแบบประชดประชัน แต่ทั้งหมดนั้นแสดงออกว่าไม่พอใจรัฐไทย (ประเทศไทย)
แต่ “รัฐ” ไม่ได้ล้มเหลว เพราะหากล้มเหลวจริง เราจะแห่แหนกันอวยฮีโร่และทะเลาะกับคนที่เห็นต่างไม่ได้
“รัฐบาล” เพื่อไทยต่างหากที่ล้มเหลว ไม่สามารถบริหารจัดการอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ทั้งที่อยู่ในอำนาจมา 2 ปีแล้ว! เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องเกาะกูดกับสถานบันเทิงครบวงจร
ทีนี้มาดูว่าเสียงสะท้อนของประชาชนว่าเป็นอย่างไร เป็นเสียงสะท้อนความล้มเหลวของรัฐหรือของประชาชนเอง?
เมื่อ “ธนาธร” ปรากฏตัวในฐานะหัวหน้าและเจ้าของพรรคอนาคตใหม่ สาวแก่แม่ม่ายก็กรี๊ดกันทั้งประเทศ พวกนักศึกษาตั้งฉายาเขาว่า “พ่อฟ้า” ส่วนพวกที่ชอบนโยบายเงินแจกและทำงานน้อยได้เงินมาก รวมทั้งพวกชังเจ้าก็เข้าแห่แหนชื่นชมเขาด้วยเขากลายเป็นฮีโร่ทันที!
ต่อมาก็ “พิธา” เขารับหน้าที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดกันสนั่นประเทศ บางคนคลั่งไคล้ถึงขนาดบูชาภาพถ่าย กินและนอนก็ไม่เคยห่างภาพ! จนพิธาได้รับการขนานนามว่า “ผัวแห่งชาติ” เสียงอวยว่า “หล่อ เท่ เก่ง” ระงมในโลกออนไลน์นานเป็นปี ตอนนี้ก็ยังมีคนจำนวนมากเพ้อหา กระแสชื่นชมเขาอย่างมหาศาลนั้นกลบฝังธนาธรเสียจมหาย
คะแนนเสียงที่พรรคก้าวไกลได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นก็เพราะเขา
พอมาถึงพรรคประชาชน สาวน้อยสาวใหญ่กลับไม่กรี๊ด ไม่เพ้อหา “ณัฐพงษ์” เลย ทั้งที่นโยบายพรรคประชาชนก็ไม่แตกต่างกับพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่ นั่นเพราะไม่หล่อ ไม่มีเซ็กซ์พาวเวอร์ ไม่อ้อล้อออดอ้อนเหมือนพิธา และไม่มีเอกลักษณ์อะไร
มาดู “ทราย สก็อต” บ้าง เขามีภาพลักษณ์เป็นนักอนุรักษ์ทะเล เป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบพอๆ กับพิธา ประชาชนจำนวนมหาศาลชื่นชมยกย่องเขาราวกับเป็นเทพ เขาพูดอะไรคนเชื่อหมด สาวน้อยสาวใหญ่ สรรเสริญกันกระหึ่มในโลกออนไลน์
ส่วน “กัน จอมพลัง” เขาลุยแบบคนใจถึงพึ่งได้ ถือว่าตนมีลูกพี่ที่ใหญ่มาก จึงลุยข้ามเส้นของมารยาทและกฎหมายได้จนเกินฐานะประชาชนผู้เสียสละเพื่อส่วนรวมแต่ไม่ว่าเขาจะแอ๊กชั่นสักกี่ครั้งก็ไม่เคยมีกระแสสูงเท่าพิธาและ ทราย สก็อต แต่ก็มีคนจำนวนมากชื่นชมเขาเพราะสะใจ
ทั้ง 4 คน ที่กล่าวมาล้วนเป็นคนหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำไมจึงได้รับความนิยมไม่เท่ากัน?
คำตอบของผมก็คือ คนไทยนั้นชอบดราม่า ชื่นชมคนหล่อ คนสวย คนเก่ง คนรวย คนมีการศึกษาสูง คนพูดภาษาต่างประเทศคล่อง คนมีวาทศิลป์ จนเป็นค่านิยม-อุดมคติของสังคมไทย อย่างเดียวกับพระเอก-นางเอกลิเก พระเอก-นางเอกหนังและละคร คือต้องหล่อ ต้องสวย
ดังนั้นเมื่อคนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวปรากฏตัวพร้อมกับกิจกรรมสักอย่าง จึงมีผู้คนชื่นชมยกย่องกันจนเป็นฮีโร่ โดยไม่ฟังเสียงเห็นแย้ง-เห็นต่างใดๆ กลับแก้ตัว แก้ต่าง ปกป้องฮีโร่ของตนอย่างเมามัว
ดูทั้ง 4 คนที่ผมยกตัวอย่างมานี้แหละ!
ฮีโร่แต่ละคนนั้นมีเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว เขาย่อมนำเสนอแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเขา สิ่งไม่ดี สิ่งที่ผิดและพลาด เขาย่อมไม่นำเสนอ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน
แต่ที่ไม่ธรรมดาก็ประชาชนนั้นเอง เพราะไม่พิจารณาคนและเป้าหมายของเขาให้รอบด้าน ขอเพียงถูกจริตกับตนและอยู่ในกระแสก็อวยแล้ว
ดังนั้นใครที่บอกว่าเสียงของประชาชนสะท้อนความล้มเหลวของรัฐจึงไม่จริง แม้จริงก็ไม่หมด เมื่อไม่หมดก็คือไม่จริง
แต่ที่ “จริง” ในความเห็นของผมก็คือ เสียงสะท้อนนั้นชี้วัดอะไรไม่ได้ เพราะมันไม่มีคุณภาพ
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี