ตอนนี้การเมืองยังหาความแน่นอนไม่ได้แม้พรรคฝ่ายรัฐบาลจะยื้อไม่ยุบสภา ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านพยายามรอจัดตั้งรัฐบาลต่อก็ตาม และก็มีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
แต่อะไรที่ยังไม่เกิดผมก็ไม่กล้าแสดงความเห็น ผมจะเขียนเหมือนไม่มีพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาอยู่ในการเมือง
ถ้าพรรครัฐบาลถึงทางตันด้วยเหตุหลายประการ ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ย่อมไม่มีทางออกอื่นใดนอกจากยุบสภา
ใครที่ต้องการให้ทหารยึดอำนาจก็ยังเป็นแค่ความต้องการต่อไป เพราะ “เงื่อนไขยังไม่สุกงอม”
ปัจจัยที่บอกเหตุดังกล่าวก็คือ ประเทศยังไม่วิกฤตพอ รวมทั้งประชาชนที่ต้องการให้มีการยึดอำนาจก็เสียงดังไม่พอยิ่งกว่านั้นก็มีประชาชนที่ไม่ต้องการให้ทหารยึดอำนาจด้วย
เรื่องทหารยึดอำนาจนั้นผมแสดงความเห็นไว้หลายครั้งว่า “ยึดแล้วก็ต้องปล่อย”เพราะมันขัดต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็น “กระแสหลักของโลก”
เมื่อทหารยึดอำนาจแล้วก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะแก้ปัญหาของประเทศชาติได้ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาพลังงาน ปัญหากระบวนการยุติธรรม ปัญหาการศึกษา ปัญหาสาธารณสุข ปัญหาตำรวจ ปัญหาระบบราชการ และอีกสารพัด ซึ่งทั้งหมดเป็นปัญหาโครงสร้างของประเทศ
เป็นปัญหาเรื่อง “คุณภาพของคน” ไม่ใช่กฎหมาย ระเบียบแบบแผนใดๆ
ถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ก็พัฒนาอะไรไม่ได้ ประเทศเสื่อมโทรมอีกต่างหาก
9 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจมานั้นแก้ปัญหาดังกล่าว “ในนามของการปฏิรูป” ที่ประกาศไว้แทบไม่ได้เลย
เพราะปัญหาดังกล่าวต้องขุดรากถอนโคน ซึ่งจะทำให้กลุ่มต่างๆ เสียผลประโยชน์ เสียอำนาจที่จะครอบครองครอบงำประเทศไทย รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จึงแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 เรื่องเศรษฐกิจในสถานการณ์ขณะนั้น และลงทุนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นหลัก
ผมจึงเห็นว่าแม้ทหารยึดอำนาจได้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างได้ (คุณภาพของคน)
มันเป็นปัญหาสะสมที่เกิดจากนักการเมืองแทบทั้งสิ้น
และผมก็เห็นว่าทหารไม่สามารถอยู่ยาวได้อย่างรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็ต้องคืนอำนาจ “การเลือกตั้ง” ให้ประชาชน แถมจะยังเพิ่มความชอบธรรมและคะแนนให้พรรคส้มอย่างที่คาดไม่ถึง จนเป็น “แลนด์สไลด์” ได้
แต่ไม่ว่าจะเลือกตั้งหลังทหารยึดอำนาจแล้วปล่อยมือ หรือการเมืองไปต่อไม่ได้ต้องยุบสภา ผมก็เชื่อว่าพรรคส้มมีโอกาสได้คะแนนอันดับ 1 เช่นเคย
โพลล์บอกว่าพรรคส้มมาอันดับ 1 ทิ้งห่างทุกพรรค แม้ผมจะไม่เชื่อโพลล์บางสำนัก แต่ก็เชื่อว่าพรรคส้มยังมีเสียงสนับสนุนตามโพลล์บอกจริง ถ้าเลือกตั้งในช่วงนี้พรรคส้ม ก็ได้เปรียบทุกพรรค เพราะพรรคอื่นเคยบริหารงานมาแล้วและล้มเหลว คนส่วนมากจึงอยากให้พรรคส้มได้เป็นรัฐบาลบ้าง ด้วยคาดหวังว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและได้รับประโยชน์จากนโยบายลดแลกแจกแถม
ส่วนพวก “ไม่เอาเจ้า” ก็หวังว่าพรรคส้มจะเข้าไปเป็นรัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมาย “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย” ได้ดีกว่าเป็นฝ่ายค้าน
แต่ถ้าสภาอยู่นานไปหรือครบวาระในอีก 2 ปีแล้วเลือกตั้ง คะแนนพรรคส้มก็จะหาความแน่นอนไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าอีก 2 ปีจะมีอะไรเกิดขึ้น ยกเว้นพรรคส้มจะมีการรณรงค์แบบอลังการจนตื่นตาตื่นใจและหาหัวหน้าพรรครูปหล่อจนเป็น “ผัวแห่งชาติ”อย่างพิธาได้ ตัวเท้งเองขายไม่ได้
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่มีพรรคใหม่ให้เลือกอีกแล้ว เหลือเพียง “พรรคไทยภักดี” เท่านั้น
ผมเคยเขียนและฝันเห็นธง “สีเขียวตองอ่อน” โบกสะบัดปลิวไสวไปทั่วประเทศในช่วงรณรงค์การเลือกตั้ง แข่งกับธงสีส้มเรื่อยมา
ผมฝันเห็น “พรรคกรีน” ที่มีนโยบายด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อมฯลฯ ที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบนิเวศ เช่นเดียวกับร่างกายคนที่มีหลายระบบ แต่ก็เชื่อมโยงกันทั้งกายและจิตจนเป็นระบบชีวิต และจากชีวิตหนึ่งก็เชื่อมโยงกับชีวิตอื่นๆ จนเป็นระบบนิเวศของสังคมและสิ่งแวดล้อมดังกล่าวมา
ระบบนิเวศนี้จะทำให้ชีวิตคน สังคม สิ่งแวดล้อม ดำเนินไปอย่างมีดุลยภาพ มันจะทำให้เกิด “ความเท่าเทียมกันในระบบนิเวศ” (พึ่งพิงอิงอาศัยกันอย่างพอดี) ไม่ใช่เท่ากันแบบไม้บรรทัด หรือตัดตีนให้เข้ากับรองเท้า
หากหน่วยใดหรือส่วนใดในระบบนิเวศผิดแปลก เสื่อมโทรม ไม่ทำหน้าที่ ก็จะมีสัญญาณเตือนเช่นเดียวกับร่างกายที่เจ็บป่วยและต้องรักษา...“สังคมดุลยภาพ” ก็เช่นกัน
แต่ถ้าไม่มีพรรคกรีน ผมก็ยังเชื่อว่า “ภาคประชาชน” จะเป็นฝ่ายค้านนอกสภาได้ และการเมืองบนท้องถนนจะทำให้พรรคการเมืองที่มีอำนาจไม่กล้าเหิมเกริมมากนัก
ถ้าเหิมเกริมมากนักขนาดจะทำลายความมั่นคงของรัฐ ทหารก็มาเองโดยไม่ต้องเรียกร้อง
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี