ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย
โครงการวันการได้ยินโลกประเทศไทย 2562
(World Hearing Day Thailand 2019)
‘มาตรวจการได้ยินกันเถิด’
ด้วยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization :WHO) ได้กำหนดให้วันที่ 3 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันการได้ยินโลก(World Hearing Day)” โดยมีเป้าหมายให้ทุกองค์กรรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการป้องกันและรักษาโรคการสูญเสียการได้ยิน (Hearing Loss)
ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย (The Royal College of Otolaryngologists-Head and Neck Surgeons of Thailand) ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สถาบันทางการแพทย์ในประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาโรคการได้ยินบกพร่องในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะปัญหาการได้ยินในเด็กแรกคลอด และปัญหาประสาทหูเสื่อมในผู้สูงวัย โดยปีนี้เป็นการรณรงค์ให้ประชาชนให้ความสำคัญในการตรวจคัดกรองการได้ยินแต่เนิ่นๆ และทราบวิธีการแก้ไขการสูญเสียการได้ยิน การสร้างความตระหนักด้านการได้ยิน การให้ความรู้เพื่อป้องกันการสูญเสียการได้ยิน เป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพประชาชน เพื่อให้เทียบเท่ากับมาตรฐานโลกที่กำหนดโดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ประชาชนจะตระหนักรู้ถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบจากการได้ยินบกพร่องโดยราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย รุก(เดินหน้า) จัดงาน “วันการได้ยินโลกประเทศไทย ปี 2562 (World Hearing Day Thailand 2019)” ภายใต้หัวข้อ“มาตรวจการได้ยินกันเถิด” ในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2562 ณ สวนลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครฯ
ปัจจัยเสี่ยงของปัญหาด้าน โสตประสาทการได้ยินในทารก มีหลายสาเหตุ ได้แก่ การติดเชื้อทั้งก่อนและหลังคลอด การใช้ยาปฏิชีวะที่มีผลต่อประสาทหู การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของการพัฒนาการส่วนศีรษะและหูตั้งแต่ในครรภ์ ภาวะตัวเหลืองหลังคลอด ทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,500 กรัม การขาดออกซิเจนขณะคลอด เป็นต้น ซึ่งในสังคมยุคดิจิทัลพบอุบัติการณ์ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการได้ยินสูงมากขึ้น กลุ่มวัยรุ่นและคนวัยทำงาน มักอยู่ในที่เสียงดังเกินมาตรฐานเป็นเวลานาน ได้แก่ สถานที่ทำงาน หรือเสียงยวดยานบนท้องถนนที่ดังตลอดเวลาสถานบันเทิง การใช้หูฟังมากขึ้น การฟังเพลงที่เสียงดังเป็นเวลานานการใช้หูฟังเพิ่มกำลังขยายเสียงส่งผลเสียต่อโสตประสาทการได้ยิน อีกทั้งยังบั่นทอนคุณภาพชีวิต ส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร เสียโอกาสในการทำงาน เสียบุคลิกภาพ ต้องพูดเสียงดัง เกิดความไม่มั่นใจในตนเอง แยกตนเองออกจากสังคม ที่สำคัญคือมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากที่ทำงาน การเกิดอุบัติเหตุจากในท้องถนนได้มีความเสี่ยงกว่าประชาชนหูปกติ ในกลุ่มผู้ป่วยสูงวัย ที่มีปัญหาการได้ยินบกพร่องจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมากขึ้น ต้องการคนดูแล การเกิดภาวะแยกตัวเองจากสังคม ภาวะหลงลืม ภาวะซึมเศร้า และเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมาอีกมากมาย ดังนั้นหากดูแลโสตประสาทการได้ยินให้เสื่อมช้าลง ผู้ป่วยจะมีสุขภาพกายใจที่แข็งแรงสามารถดูแลตนเองได้ ลดภาระของครอบครัว สังคม และงบประมาณรัฐได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี