ปัญหาเกี่ยวกับโรคตาของสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของวิตกกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อการดำรงชีวิตประจำวันของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การกินอาหาร โดยเฉพาะการมองเห็น
เมื่อเราเริ่มเห็นว่าสุนัขของเราเริ่มมีอาการผิดปกติๆที่ลูกนัยน์ตาสัตว์ เช่น ตาบวม สีของลูกตาขุ่นขาวหรือแดงผิดไปจากปกติ น้ำตาไหลหรือกะพริบตาบ่อยผิดปกติ เราต้องพึงระวังและต้องรีบปรึกษาสัตวแพทย์โดยด่วนเลยนะครับ เพราะลูกตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่ใช้ในการดำรงชีวิต และที่สำคัญเป็นอวัยวะที่อยู่ติดต่อกับสมองและต่อเนื่องกันด้วยเส้นประสาทตาสั้นๆ เท่านั้นเอง ดังนั้นหากมีปัญหาการติดเชื้อที่ตาแล้ว ก็จะมีโอกาสที่จะมีผลกระทบสู่สมองได้อย่างรวดเร็ว วันนี้เราจะมาคุยกันเกี่ยวกับความผิดปกติของลูกตาของสุนัขประเภทหนึ่ง นั่นคือ ลูกตามีสีขุ่น เพื่อที่เจ้าของจะได้สังเกตและดูแลเจ้าตูบที่บ้านกันครับ
ความผิดปกติที่ก่อให้เกิดปัญหา “ตาขุ่น” ในสุนัขที่พบได้บ่อย มีหลายสาเหตุได้แก่
1. ต้อกระจก (Cartaract)
ต้อกระจก เป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยมากในสุนัขที่เริ่มมีอายุ เกิดจากการขุ่นของ “เลนส์ตา” (lens) ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของโปรตีนภายในตัวเลนส์ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในสุนัขที่มีอายุ
ความผิดปกตินี้อาจพบการขุ่น “เพียงบางส่วน” (แบบpartial) ซึ่งในกรณีนี้สุนัขจะยังสามารถมองเห็นได้ แต่อาจจะไม่ชัดเจนเหมือนปกติ แต่ในกรณีที่มีการขุ่น “ทั่วทั้งเลนส์” (แบบ complete) จะส่งผลต่อการมองเห็นของสัตว์ได้เป็นอย่างมาก เหมือนการมองผ่านกระจกฝ้าที่ขุ่นถึงขุ่นมาก ซึ่งอาจจะมองเห็นลางๆ หรืออาจจะมองไม่เห็นเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความขุ่น และการที่แสงสามารถผ่านเลนส์ตาเข้าไปที่จอตาได้มากแค่ไหน
สาเหตุ :
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดต้อกระจกนั้นในปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจมีสาเหตุโน้มนำมาจากการบาดเจ็บของลูกตาจากการกระทบกระเทือนก็เป็นได้ เช่น การมีแผลที่กระจกตา (กรณีนี้ อาจรุนแรงจนทำให้เกิดโรคต้อหิน หรือ glaucoma ตามมาได้) นอกจากนี้ โรคประจำตัวบางชนิดเช่น โรคเบาหวาน (diabetes) ก็อาจเป็นสาเหตุโน้มนำของโรคต้อกระจกได้เช่นกัน
การรักษา :
การรักษาให้หายเป็นปกตินั้น ขึ้นกับความรุนแรง ระยะของการเกิด รวมถึงสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตและสุขภาพของสัตว์แต่ละตัวด้วยเราควรต้องเน้นที่การป้องกันมากกว่า ซึ่งการป้องกันการเกิดต้อกระจกที่มีสาเหตุโน้มนำที่ทำให้เกิดการอักเสบของลูกตา เช่น แผลหลุมที่กระจกตา (corneal ulcer) กระจกตาอักเสบ (keratitis) ดังนั้นเพื่อไม่ให้พัฒนาจนกลายเป็นการเกิดต้อกระจกขึ้น เราจึงควรรีบทำการรักษาที่สาเหตุของการอักเสบนั้นๆ ตั้งแต่เริ่มแรกครับ
เมื่อเกิดปัญหาภาวะของต้อกระจกแล้ว ในบางกรณี การหยอดตาเพื่อ “ลดความขุ่นของเลนส์” ก็อาจช่วยได้บ้าง (แม้จะไม่สามารถหายได้ทุกรายก็ตาม) แต่หากการหยอดตาอย่างต่อเนื่องยังไม่ได้ผลแล้ว การรักษาวิธีที่ดีที่สุดคือ การผ่าตัดเพื่อ “สลายต้อ” โดยการใช้คลื่นความถี่สูง (Phacoemulsification) เพื่อสลาย แต่ปัญหาก็คือจะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และเจ้าของต้องเตรียมความพร้อมในการดูแลหลังผ่าตัดซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องดูแลพอสมควรด้วย
ขอเรียนย้ำว่า ในกรณีของโรคต้อกระจกนี้ เราจะเน้นที่การป้องกันและการเฝ้าระวังมากกว่าโดยการพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ และให้การดูแลเหมือนการดูแลผู้สูงอายุคนหนึ่งครับ
เรื่องราวเกี่ยวกับการขุ่นของตายังไม่หมดแค่นี้ครับ สัปดาห์หน้า มารู้จักสาเหตุของอาการตาขุ่นและวิธีป้องกันรักษากันต่อครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี