(เขียนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 63 แต่ตอนนี้ได้มีการประกาศเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหะสถานในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 63 แล้วครับ)
สถานการณ์ของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันร่วมมือป้องกัน เนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อกันค่อนข้างง่ายและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
มีการรณรงค์เรื่อง “การเว้นระยะห่างทางสังคม” หรือ “social distancing” คือ “การสร้างระยะห่างระหว่างตัวเราเองกับคนอื่นในสังคม“ รวมถึง “การลดการออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น” และ “หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น”เพื่อช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสจาก “คน” สู่ “คน”
ล่าสุดได้มีพระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มาใช้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 มีผลขยายไปถึงวันที่ 30 เมษายน 2563
มีการออกข้อกำหนด (ข้อห้าม หรือข้อปฏิบัติ) อย่างเข้มงวด เช่น ห้ามเข้าออกสถานที่บางแห่ง การห้ามหรือจำกัดการเข้าออกราชอาณาจักร และการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากข้ามเขต การควบคุมการใช้ยานพาหนะ เส้นทางจราจร การควบคุมสินค้า และเวชภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น
โดย “กรุงเทพมหานคร” ก็ได้มีคำสั่งให้ “ปิดสถานที่”(ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็เป็นการ “ชั่วคราว” รวมทั้งสิ้น 34 สถานที่ ตามที่หลายท่านได้ทราบกันไปแล้ว
แต่ในส่วนที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ก็ยังสามารถดำเนินการต่อได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่ขายเพื่อนำกลับไปบริโภคที่บ้าน ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ตลาดนัดในส่วนที่จำหน่ายอาหาร อาหารสัตว์ ร้านดอกไม้สดเวชภัณฑ์ เป็นต้น
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “สัตว์” ก็ให้ปิดในส่วนของ “สนามชนไก่และสนามซ้อมชนไก่” รวมถึง “สปาอาบน้ำและตัดขนสัตว์” โดยที่ในส่วนของ “โรงพยาบาลสัตว์” และ “คลินิกสัตว์” ที่ให้การรักษาสัตว์ ก็ยัง “ดำเนินการตามปกติ” ครับ
ในช่วงนี้ หากสัตว์เลี้ยงของท่านมีการเจ็บป่วย หรือต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ผมมีคำแนะนำจาก “สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย” มาเล่าให้ฟังครับ ว่าเราควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อ “ตัวเจ้าของเอง” จะได้ป้องกันความเสี่ยงในการรับเชื้อ COVID-19 จากสภาพแวดล้อม
1.ควรขอรับปรึกษาและคำแนะนำเบื้องต้นจากคุณหมอ (ทางโทรศัพท์) ก่อน เพื่อทำความเข้าใจและเป็นการเตรียมตัวก่อนไปรับบริการ
2.ควรมีการนัดหมาย ช่วงเวลาที่เหมาะสม ในการเข้ารับการรักษา เพื่อที่จะได้ใช้เวลานอกบ้านให้น้อยที่สุด
3.เลือกช่วงเวลาในการพาสัตว์ป่วยไปโรงพยาบาลสัตว์หรือคลินิกใกล้บ้าน ในเวลาที่มีผู้รับบริการไม่มากเกินไป เพื่อลดความแออัด
4.รับการรักษาแค่ที่จำเป็น ตามที่สัตวแพทย์แนะนำเท่านั้น การตรวจเพิ่มเติมอย่างอื่นที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนในช่วงนี้ก็ควรเลื่อนไปก่อนได้
5.ควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานพยาบาลในการคัดกรองโรค เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของเจ้าของและการล้างมือก่อนเข้ารับบริการ
6.ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่พาสัตว์เลี้ยงไปรับการตรวจรักษา (ซึ่งคิดว่าสถานการณ์แบบนี้ ทุกท่านคงจะสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านอยู่แล้ว)
7.ควรเว้นระยะห่างจากเจ้าของอื่น ขณะรอรับบริการตรวจรักษา
8.ใช้หลัก 1:1 คือ เจ้าของหนึ่งคนต่อสัตว์เลี้ยงหนึ่งตัว เพื่อจำกัดจำนวนคนที่พาสัตว์ป่วยไปให้น้อยที่สุด
ทั้งนี้ หลักทั่วไปในการดูแลตัวเองในการดำรงชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราควรยึดถือและปฏิบัติตลอดครับ เช่น การใช้หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ รวมถึงการเลี่ยงสัมผัสอุปกรณ์หรือสิ่งที่ใช้สาธารณะ และการเว้นระยะสัมผัสห่างจากผู้อื่น เหล่านี้เป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติเพื่อลดโอกาสการรับเชื้อในช่วงนี้กันครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี