เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 หลังจากการสอนหนังสือแพทย์เสร็จ(ผมสอนแพทย์ประจำบ้านปีที่ 2 ช่วงเวลา 07.00-08.00 น.) เดินกลับมาทำงานที่สำนักงานยุวกาชาด ก็ดีใจที่ได้พบหนังสือ 2 เล่ม ชื่อAmbulatory Medicine ที่ลูกศิษย์จัดการให้มีคนเอามามอบให้ผมผมชอบอ่านหนังสือมาก ชอบมีความรู้รอบตัว เพื่อที่จะมีข้อมูลดีๆไปสอนให้แก่แพทย์ประจำบ้านปีที่ 2 ของภาควิชาอายุรศาสตร์ที่หมุนเวียนมาอยู่ที่หน่วยทางเดินอาหารทุก 4 สัปดาห์ คุณหมอ R2 มักจบแพทย์มาเป็นปีที่ 5 แล้ว กล่าวคือ พ.บ. จบแล้ว 3 ปีแรกต้องไป“ใช้ทุน” ณ ต่างจังหวัด แล้วจึงมาเรียนต่อเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสาขาวิชาอายุรศาสตร์ คุณหมอ R2 มักมีอายุประมาณ 27-29 ปี
ความรู้รอบตัวของผมเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ หนึ่ง ผมชอบอ่านมากๆ บางครั้งกำลังอ่านเรื่องหนึ่งอยู่ ส่วนใหญ่มาจากคุณลุง Google ก็พบอีกเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง หรือรู้แต่อยากรู้เพิ่มเติม จึงเปิดหาข้อมูลเพื่ออ่านต่อไป เดี๋ยวนี้ไม่เข้าใจศัพท์อะไร เรื่องอะไร ไม่ต้องเปิด dictionary แล้ว เปิด google ก็ได้คำตอบแล้วครับ
ผมชอบอ่านทั้งเรื่องแพทย์และไม่ใช่เรื่องแพทย์ ความรู้รอบตัวนอกจากได้จากการอ่านแล้ว ยังได้จากการที่ผมมีเพื่อนหลายๆ อาชีพ ชอบคุย อยากรู้อยากเห็นไปหมด ชอบท่องเที่ยวไปไหนมาไหน ไปทานอะไร ที่ร้านไหนมาที่อร่อย ผมจะเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ให้ผู้อื่นได้รับทราบบ้าง การที่ผมเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์มาหลายสิบปี ทำให้ผมต้องอ่านมากๆ เพื่อจะได้ข้อมูล ข้อคิด มีวัตถุดิบให้เขียน ผมเขียนบทความลงสาร วารสาร จุลสาร ของแพทย์ต่างๆ หนังสือพิมพ์ต่างๆ มาหลายสิบปี เริ่มต้นจากการเขียนบทความในฐานะเลขาธิการ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ ถึงสมาชิกอายุรแพทย์ทุกๆ คน กระตุ้นให้ข้อคิดเกี่ยวกับความดี ความเก่ง ความรอบรู้ ความมีสุขภาพที่ดีตลอดเขียนในฐานะต่างๆ เช่น ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย (รวมทั้งตอนเป็นเลขาฯและประธาน ประมาณเกือบ 20 ปีทุกเดือน หรือทุกฉบับ)นายกสมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหาร เลขาธิการแพทยสภา ที่เขียนถึงเพื่อนแพทย์ทุกคนในประเทศไทยในสมัยโน้นทุกฉบับ เป็นเวลา 4 ปีทำให้แพทย์ทั่วประเทศเคยได้ยินชื่อผม ไม่ว่าจะเป็นแพทย์สาขาวิชาใด เพราะแพทยสภามีหน้าที่ดูแลความ “ดี” (จริยธรรม) “และความเก่ง” (มาตรฐาน) ของแพทย์ ฯลฯ รวมทั้งผมมีประสบการณ์จากการที่ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนแพทย์มาเกือบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยโดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 5 อำเภอของสงขลาที่มีปัญหา
ลูกศิษย์ผมรู้ใจผมว่าชอบอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะทางการแพทย์ หรืออื่นๆ จึงจัดการเอาหนังสือมาให้ผมอ่าน Ambulatory Medicine เป็นเรื่องที่ผมสนับสนุนการก่อตั้งสมาคมมาตั้งแต่แรก เพราะผมเห็นความสำคัญ และอาจถือได้ว่า Ambulatory Medicine เป็นส่วนหนึ่งของ“Preventive Medicine” ก็ว่าได้ Ambulatory Medicine Associationคือ สมาคมอายุรศาสตร์ผู้ป่วยนอก Ambulatory Medicine มีความสำคัญมากเพราะถ้าเรา-แพทย์ เจ้าหน้าที่-ทำได้ดี ผู้ป่วยจะไม่ค่อยเข้าโรงพยาบาล จะลดทั้งเวลา เงิน ของตัวผู้ป่วยเอง หรือรัฐบาล ลงไปได้มากเลย เช่น ไม่ต้องเสียค่าห้องนอน ซึ่งปัจจุบันเป็นราคาหลายพันบาทไม่ต้องเสียเวลาเข้านอนในโรงพยาบาล ยังไปทำงานได้ ฉะนั้นถ้าเราทำระบบการดูแลผู้ป่วยนอกได้ดี เช่น มีการพบแพทย์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว การตรวจทางห้องแล็บ เอกซเรย์ พยาธิ ฯลฯ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยก็จะไม่มีความจำเป็นที่ต้องเข้าโรงพยาบาล ยกเว้นผู้ป่วยที่หนักจริงๆ ที่ต้องเข้าเพื่อการผ่าตัด อะไรทำนองนั้น
ผมเคยไปเยี่ยมโรงพยาบาลเมโยที่ Rochester อเมริกา หรือ Mayo Clinic สถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงมาก ที่ได้มีการก่อตั้งมากว่า 150 ปี Mayo Clinic แห่งแรกตั้งอยู่ที่ Rochester ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ กว่าจะบินไปถึง ต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่โน่นนี่ ก่อนที่จะบินลง Rochesterได้ แล้วยังต้องนั่งรถไปอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ผมคิดว่าถ้าคิดตั้ง Mayo Clinic ในปัจจุบันนี้คงประสบความสำเร็จได้ยาก แต่โชคดีที่ตั้ง 150 กว่าปีมาแล้วเพราะตอนนั้นไม่มีคู่แข่ง แต่ตอนนี้เขาดังระเบิดระดับโลกแล้ว ถึงไปยาก คนก็ยังแห่กันไปรักษาที่นี่ จากทั่วโลก เพราะเขาเก่งจริงๆ เป็นที่หนึ่งของหลายสาขาวิชาทางการแพทย์ของโลก
Mayo Clinic เนื่องจากมาแต่ละครั้งยาก จึงจัดระบบการดูแลผู้ป่วยนอกให้มีประสิทธิภาพ อย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆ มา Rochester ที่เดียวจบ อาจจะวันเดียวหรือหลายวัน แต่กล่าวคือ Mayo Clinic พยายามทำการวินิจฉัยโรคให้เร็วที่สุดโดยมีเครื่องมือพร้อม เช่น ผู้ป่วยมากับญาติๆ นอนพักที่โรงแรม ผู้ป่วยมาพบแพทย์ (นัดล่วงหน้า) แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย และสั่งตรวจด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ตรวจเลือด กราฟหัวใจ เอกซเรย์ CT, MRI ฯลฯ เขาจะทำในวันเดียวกันเลย เขามีเครื่อง MRI 27 เครื่อง ผู้ป่วยจึงทำได้ตลอดเวลาไม่ต้องคอย มีพยาธิแพทย์อยู่เวรหลายคน ในกรณีที่จะตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ หลังพบแพทย์ เขาจะไปตรวจด้วยวิธีการต่างๆ แล้วจะกลับมาพบแพทย์อีกทีในวันเดียวกันพร้อมผลการตรวจต่างๆ แพทย์ก็จะสามารถสรุปได้ว่าเป็นโรคอะไร จะรักษาด้วยวิธีการอะไร ถ้ารักษาทางยาก็กลับบ้านได้เลย ถ้าผ่าตัดก็รีบผ่าตัดภายในวันนั้นหรือวันรุ่งขึ้น หรือตามแต่ที่จะต้องเตรียมตัว แต่โดยสรุปก็คือ ภายในไม่กี่วันผู้ป่วยจะเสร็จสิ้นจากการตรวจ วินิจฉัย รักษาฯ
หนังสือที่ผมได้ ผมติ๊กหัวข้อที่ผมสนใจไว้ว่าจะอ่านหัวข้อต่างๆ นี้ก่อน หัวข้อที่ผมสนใจ คือ หัวข้อที่กว้างๆ ที่มีความสำคัญต่อประชาชน ไม่ลงลึกเรื่องการรักษา เรื่องรายละเอียดของการทานยาหัวข้อที่ผมเลือกไว้และอ่านหมดในวันเดียวกันก็คือ 1) อาหารคีโตและการรับประทานแบบ intermittent fasting 2) ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ 3) การตรวจคัดกรองโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น 4) PM2.5 มหันตภัยคุกคามโลกแห่งอนาคต5) โรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง 6) การเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและสุขภาพในสังคมผู้สูงอายุ 7) การดูแลรักษาผู้สูงอายุในสังคมสูงอายุระดับสุดยอด และ 8) การดูแลรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
โอกาสต่อไปผมจะอธิบายว่าทำไมผมถึงเลือกอ่านหัวข้อต่างๆ เหล่านี้ก่อน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี