หลายท่านคงมีข้อสงสัยว่า ในกรณีจะเลี้ยงสุนัขสักตัวหนึ่งที่เริ่มตั้งแต่สุนัขแบเบาะแรกคลอด ลูกสุนัขเล็กหรือได้ลูกสุนัขมาตอนโตแล้วนั้นการจัดการต่างๆ จะมีความแตกต่างกันหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการให้อาหารจะใช้อาหารแบบเดียวกันตลอดหรือไม่ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจจากข้อมูลของ สพ.ญ.ฐิตา เตโชฬาร คลินิกระบบขับถ่ายปัสสาวะหัวใจและเบาหวาน โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กันครับ
ขั้นแรก เรามาดูในแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกันเลยนะครับ
1.สุนัขแรกคลอดและสุนัขทารก
ช่วงแรกคลอดนี้ เป็นช่วงที่มีอัตราการตายของลูกสุนัขสูงที่สุดมีโอกาสตายสูงถึง 40% สาเหตุการตายนั้นมีได้หลายประการด้วยกัน เช่น แม่เลี้ยงลูกไม่เป็น จำนวนลูกมากจนตัวที่อ่อนแอได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเป็นต้น การดูแลลูกสุนัขในวัยแรกคลอดจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากนอกเหนือจากการจัดการเรื่องอาหารแล้ว ยังต้องมีการกกอุ่น รวมถึงการดูแลเรื่องสุขอนามัยของลูกสุนัขอีกด้วย
เมื่อลูกสุนัขคลอดออกมาแล้ว ควรได้กินนมจากแม่สุนัขทันที โดยควรได้รับตั้งแต่แรกคลอด จนถึง 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เพื่อให้ได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ในนมน้ำเหลือง (colostrum) ซึ่งมีความจำเป็นมาก เนื่องจากหากได้รับหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว จะเลยช่วงเวลาที่ทางเดินอาหารจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากแม่ได้ และทำให้เมื่อสุนัขโตขึ้นมาแล้วลูกสัตว์ไม่แข็งแรงได้
หากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีแม่คอยเลี้ยงดูและให้นม เราต้องพิจารณาชนิดของอาหารนมที่ให้ด้วย นมที่เราควรให้กับลูกสุนัขควรเป็น สารทดแทนนม หรือ milk replacer ซึ่งจะมีส่วนประกอบคล้ายกับนมของแม่สุนัขมากที่สุดการให้ นมวัว หรือ นมแพะ ไม่ใช่คำตอบที่ดี เนื่องจากมีปริมาณ โปรตีนที่น้อยกว่าในนมของสุนัขและแมวถึง 2 เท่า ทำให้หากเราเลี้ยงลูกสุนัขด้วยนมวัวหรือนมแพะ จะทำให้ลูกอิ่มท้องแต่ขาดโปรตีนได้ ดังนั้น หากมีปัญหาค่าใช้จ่ายและมีความจำเป็นต้องให้นมแพะกับลูกสุนัข ควรเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น เช่น ไข่ ลงไปด้วยเสมอ
2.ลูกสุนัขเด็กอายุ 4 สัปดาห์ขึ้นไป
เมื่อลูกอายุได้ประมาณ 4 สัปดาห์ ขนาดตัวของลูกจะใหญ่ขึ้นมาก ทำให้กินนมแม่เยอะขึ้นมาก อาจจะส่งผลให้ระยะนี้ แม่สุนัขมีโอกาสเกิดไข้น้ำนม(milk fever) ได้มาก ดังนั้นที่ช่วงอายุ 4 สัปดาห์นี้ จึงเป็นช่วงที่ควรเริ่มหย่านมแล้ว และควรเริ่มให้ลูกกินอาหารของลูกสุนัข โดยอาจจะใช้วิธีนำอาหารเม็ดสำหรับลูกสุนัขมาผสมน้ำหรือนม แล้วบดให้เละ ให้ลูกเริ่มกินอาหารอื่นนอกเหนือจากนมแม่ได้เลย โดยควรหย่านมอย่างเด็ดขาดที่อายุประมาณ 6 สัปดาห์
แม่สุนัขเอง ก็ควรได้รับอาหารอย่างเหมาะสมในระยะให้นมด้วยเช่นกัน เพราะหากได้รับอาหารในปริมาณที่ไม่เพียงพอ และได้รับสารอาหารอย่างไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดไข้น้ำนมได้ง่าย โดยแม่สุนัขนั้นสามารถกินอาหารของลูกสุนัขสายพันธุ์เล็ก หรือสายพันธุ์กลางก็ได้ แต่ไม่ควรกินอาหารสำหรับลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ เนื่องจากอาจทำให้ได้รับปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากต้องผลิตน้ำนมมาเลี้ยงลูก
อย่างไรก็ตาม หากแม่สุนัขได้รับอาหารสำหรับลูกสุนัขที่เหมาะสมอยู่แล้ว ก็ไม่แนะนำให้เสริมแคลเซียมในทุกกรณี แต่หากกินอาหารที่ดูมีแนวโน้มจะทำให้ขาดสารอาหาร เช่นข้าวคลุก (หรืออาหารที่ปรุงเอง)ก็ควรต้องเสริมในปริมาณที่เหมาะสมโดยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์ด้วย
3.ลูกสุนัขหลังหย่านม
เมื่อลูกสุนัขหย่านมแล้ว ควรให้กินอาหารสำหรับลูกสุนัข เนื่องจากลูกสุนัขจะมีความต้องการโปรตีน และพลังงานที่สูงกว่าสุนัขในช่วงวัยอื่นๆ อย่างไรก็ตามต้องระวังไม่ให้อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป โดยเฉพาะในลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่ (สายพันธุ์ที่มีน้ำหนักตัวตอนเจริญเติบโตเต็มที่มากกว่า 25 กิโลกรัมขึ้นไป) เพราะหากได้รับแคลเซียมในสัดส่วนที่มากเกินไป หรือพลังงานมากเกินไป จะส่งผลให้ข้อต่อต่างๆ ต้องรับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ส่งผลให้เกิดการเจริญที่ผิดปกติของข้อต่อเมื่ออายุมากขึ้น
โรคที่พบบ่อยได้แก่ เช่น โรคข้อสะโพกวิการ (hip dysplasia) หรือโรคผิวกระดูกอ่อนข้อศอกแตก (osteochondritis dissecans) แต่เราสามารถลดโอกาสเกิดโรคเหล่านี้ได้ โดยป้องกันไม่ให้อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป โดยการให้สัตวแพทย์คำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมแก่ลูกสุนัขทุก 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะถึงช่วงโตเต็มวัย และทำกราฟการเจริญเติบโตประกอบการคำนวณอาหารไปด้วย เพื่อพิจารณาว่าปริมาณอาหารที่เราให้กับสุนัขนั้น มากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ และทำการปรับตามความเหมาะสม
จะเห็นว่าการให้อาหารที่เหมาะสมนั้นสามารถช่วยทำให้ลูกสุนัขเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงตามช่วงวัย รวมถึงสามารถลดโอกาสในการเกิดโรคจากการเจริญเติบโตได้อีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกท่านไม่ควรมองข้ามครับ
ขอขอบคุณ โครงการ SmartVetSmartSociety และคลินิกระบบขับถ่ายปัสสาวะหัวใจและเบาหวาน โรงพยาบาลสัตว์เล็กคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี