เวลาคนทะเลาะกันเพราะความเห็นไม่ลงรอยกัน เขามักทำอย่างไรกันบ้าง ?
มีสักกี่คู่ที่หาทางปรับความเข้าใจและหาข้อยุติแบบสันติ
ส่วนมากจะทะเลาะกันไปเรื่อยๆ เป็นแบบรุนแรงและเรื้อรัง ตามด้วยการจับผิด กล่าวหาซึ่งกันและกันย้อนไปย้อนมา ไม่มีใครยอมรับผิดหรือขอโทษ หรือเลิกราได้ง่ายๆ หรอก
ถ้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการต่างๆ มีบารมีหรือมีคนนับถือก็มักจะ “หาพวก” มาเข้าข้างตัวเอง เพราะต่างถือว่าตัวเองมีดี มีคนนับหน้าถือตา การจะยอมรับผิดว่าทำผิดคิดผิดนั้นคงยอมรับไม่ได้
บางครั้งเรื่องเพียงนิดเดียว ทั้งที่คู่กรณีบางคู่เคยสนิทสนมกันมาก่อน กลับหาเหตุจับผิดอีกฝ่ายหนึ่ง กล่าวหาว่าเขาคิดผิด ทำผิดกฎเกณฑ์ ระเบียบวินัย หรือไม่ถูกต้องมากขึ้นๆ และสร้างกระแสกดดันให้เขาเป็นผู้ผิดในทุกกรณี
คนที่ถูกจับผิดก็จะแก้ตัว หาเหตุจับผิดอีกฝ่ายหนึ่งและสร้างกระแสโต้ตอบเช่นกัน
ถ้าทั้งสองฝ่ายต่างมีพรรคพวก ผู้สนับสนุนก็จะยิ่งทำให้เกิดการแบ่งพวก แบ่งพรรค ลุกลามใหญ่โต กลายเป็นคน 2 กลุ่มใหญ่มีความเห็นไม่ลงรอยกันต่อไปอีกนาน
เราจะพบเหตุการณ์เช่นนี้ได้ในสังคมดังต่อไปนี้ เช่น นักการเมือง สงฆ์ นักการศึกษานักวิชาการ กลุ่มฝูงคนที่มีความคิดเห็นและทัศนคติความเชื่อแตกต่างกัน
การทะเลาะกันรุนแรงก็เป็นเรื่องของการมีอัตตาสูง อีโก้จัดของทั้งสองฝ่าย ไม่ยอมลดราวาศอกกัน และมักจะนึกถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ แม้ปากจะบอกว่าไม่เคยคิดถึงเลยก็ตาม
การจะยอมรับผิด ขอโทษกัน แก้ไขความผิดพลาดด้วยสันติวิธีนั้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมทำ
เวลาทั้งสองฝ่ายไปหาพรรคพวกมาสนับสนุนก็จะกล่าวอ้างความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง และยกตัวเองขึ้นเป็นฝ่ายถูก พรรคพวกทั้งสองฝ่ายก็จะคล้อยตามและพลอยไม่ชอบอีกฝ่ายหนึ่งไปด้วย
เข้าข่ายความคิดว่า “ศัตรูของมิตร คือศัตรู”ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของคนที่ด้อยปัญญา ขาดวิจารณญาณ ซึ่งเป็นความคิดและความเชื่อที่ผิวเผิน ขาดสติ มีความหลงผิดอยู่มาก
เราน่าจะพิจารณาได้เองว่าใครเป็นกัลยาณมิตรของเรา ถ้าเขาเป็นคนดี คิดดี พูดดี ทำดี เราก็น่าจะคบหาและคิดว่าเขาเป็นมิตร โดยไม่คำนึงว่าเขาจะเป็นมิตรของศัตรูหรือศัตรูของมิตร
คนที่มีปัญหาทั้งสองฝ่ายควรหาทางแก้ปัญหาแบบปัญญาชน อย่างปราชญ์ ให้เป็นแบบอย่างแก่บุคคลและสังคมต่อไป
คนที่ถูกชักจูงให้เป็นพวกก็ควรจะพิจารณาปัญหาด้วยความมีเมตตา มีสติและปัญญา เห็นใจและเข้าใจเพื่อนมนุษย์ว่ามีกรรมติดตัวกันทุกคน มีข้อบกพร่องทุกคน ซึ่งเขาจะต้องรับผลของกรรมนั้นๆ ตามกฎหมายและกฎแห่งกรรมไปเอง และเราก็จะไม่ส่งเสริมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในทางที่ผิดเพราะคิดแบบหลงผิดดังกล่าวแล้ว และไม่เชื่อข่าวตามกระแสซึ่งล้วนเป็นอนิจจังทั้งนั้น
ถ้าทำได้อย่างนี้ สังคมก็สงบสุขได้มากขึ้น
ไม่แบ่งพวกทะเลาะกันเยี่ยง “กาจิกตากา” แบบทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี