โรคพาร์กินสัน (Parkinson) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทบริเวณก้านสมอง ทำให้การผลิตสารโดพามีน (dopamine) ลดลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว ทำให้มีอาการมือสั่น เคลื่อนไหวช้าลงส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ มักเกิดในผู้ที่มีอายุมากกว่า50 ปี หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา ผู้ป่วยจะเป็นมากขึ้นและอาจใช้ชีวิตอย่างลำบาก
อาการของโรคพาร์กินสันจะเริ่มต้นช้าๆ อาจเริ่มโดยมีอาการมือสั่นข้างเดียวเพียงเล็กน้อย จนแทบไม่ได้สังเกต อาการสั่นเป็นสิ่งที่พบบ่อย แต่อาการอื่นๆ ที่พบได้
คือ ตัวแข็ง (stiffness) หรือมีการเคลื่อนไหวที่ช้า
ในระยะแรก หน้าอาจไม่ค่อยมีการแสดงออก แขนอาจไม่แกว่ง (swing) เวลาเดิน พูด (speech) มีเสียงเบา หรือพูดไม่ชัด (slurred) และอาการจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ
โรคพาร์กินสัน ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ แต่การให้ยารักษาจะสามารถช่วยอาการต่างๆ ได้มากในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อที่จะรักษาอาการให้ดีขึ้น
ในแต่ละคนที่เป็นโรคพาร์กินสัน อาจมีอาการไม่เหมือนกัน ในระยะแรกๆ อาการอาจมีน้อยมาก และไม่เป็นที่สังเกต อาการมักเริ่มที่ข้างหนึ่งข้างใดของร่างกาย และมักเป็นมากกว่าที่ข้างนี้ ถึงแม้ในที่สุดจะเป็นทั้ง 2 ข้าง
อาการต่างๆ คือ 1) tremor (สั่น) มักเริ่มต้นที่มือหรือนิ้ว เช่น อาจเอานิ้วหัวแม่โป้งถูไปมากับนิ้วชี้ มืออาจจะสั่นเวลาอยู่เฉยๆ และอาการสั่นอาจดีขึ้นเมื่อใช้มือ
2) มีการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ (bradykinesia)เมื่อเป็นมากจะมีปัญหาในการเคลื่อนไหว ทำให้ทำอะไรไม่สะดวกและใช้เวลา การก้าวเท้าแต่ละก้าวจะสั้นลง อาจลุกจากเก้าอี้ลำบาก
3) กล้ามเนื้อตึง (rigid, stiff) ทำให้ปวดและมีการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อ (limit range of motion)
4) มีปัญหาในการทรงตัว อาจยืนหลังค่อม หกล้มได้ง่าย
5) มีการสูญเสียการเคลื่อนไหวร่างกายแบบอัตโนมัติ เช่น การกะพริบตา ยิ้ม แกว่งแขนเวลาเดิน
6) มีการเปลี่ยนแปลงการพูด เช่น พูดเบาลง เร็ว ไม่ชัด (slur) หรือใช้เวลาก่อนที่จะพูดได้ เสียงเป็นระดับเดียวตลอดเวลา
7) การเขียน อาจยากที่จะเขียน และตัวเล็กลง
สาเหตุของโรคพาร์กินสัน ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่อาจมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง เช่น 1) พันธุกรรม 2) สภาพแวดล้อม เช่น พิษต่างๆ
ปัจจัยเสี่ยง คือ สูงอายุ โรคพาร์กินสันส่วนมากมักเป็นช่วงสูงอายุ หรือวัยกลางคน กรรมพันธุ์ เพศชายมักเป็นมากกว่าหญิง การได้รับพิษ เช่น ยาฆ่าพืช แมลง ฯลฯ
ภาวะแทรกซ้อนของโรคพาร์กินสัน คือ มีปัญหาทางด้านความคิด สมองเสื่อม มีภาวะซึมเศร้า ปัญหาในการกลืนอาหาร การเคี้ยวและกินอาหาร การนอน ระบบทางเดินปัสสาวะ บังคับไม่ได้ หรือปัสสาวะลำบาก ท้องผูก เวียนศีรษะ มึนหัวเวลาลุกขึ้น ดมไม่ได้กลิ่น อ่อนเพลีย อาการปวดตามร่างกาย สูญเสียความรู้สึกทางเพศ
และความสามารถทางเพศ (performance)
การป้องกัน โดยทั่วๆ ไปมีข้อมูลทางการวิจัยบ้างว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก คนที่กิน caffeine เช่น กาแฟ ชา โคล่า ชาเขียว จะมีโอกาสเป็นโรคพาร์กินสันน้อยกว่า
โรคพาร์กินสันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ คือ การใช้ความรู้เท่าที่มีในปัจจุบันป้องกันการเกิดโรคนี้ เช่น หลีกเลี่ยงมลภาวะต่างๆ จากยาฆ่าแมลง พืช ป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ เช่น การชกมวย โหม่งลูก (ยากสำหรับนักกีฬา) หรือการที่ศีรษะถูกกระแทกบ่อยๆ และการดูแลสุขภาพที่ดีทั่วๆ ไป เช่น การออกกำลังกาย การกินอาหารเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันนี้การตรวจคัดกรองหาโรคในระยะเริ่มแรกสำหรับโรคพาร์กินสันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมีความสำคัญมาก เพราะถ้าเริ่มรักษาตอนที่เป็นน้อย ผลการรักษาจะดีมาก และผู้ป่วยอาจมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ
โอกาสหน้าผมจะขอกล่าวถึงสภากาชาดไทยกับการตรวจคัดกรองหาโรคพาร์กินสันครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี