นอกจากบุหรี่แล้ว อากาศเป็นพิษยังสามารถทำให้เราเป็นมะเร็งปอดได้แต่การดูแล air pollution ในภาพรวม รัฐบาลทุกประเทศต้องร่วมมือกันกำจัด รณรงค์เรื่องโลกร้อน-climate change ซึ่งจะมาควบคู่กับair pollution แต่ประชาชนทั้งโลกก็สามารถมีส่วนช่วยเรื่องนี้ได้ในการลดการใช้พลังงานจาก fossil ซึ่งก็คือ ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซด้วยการร่วมมือกันทำเท่าที่จะทำได้ ในชีวิตประจำวัน เช่น ใช้รถสาธารณะแทนรถส่วนตัว ปิดไฟ ปิดแอร์ เมื่อไม่ใช้ เมื่อจอดรถดับเครื่อง ปิดแอร์รถ ไม่กินเนื้อแดง ประชุมออนไลน์ (ไม่ต้องเดินทาง) ฯลฯแต่สำหรับ air pollution ในแง่ของการป้องกันตนเอง ควรใส่หน้ากากN95 เวลา PM2.5 สูง ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์กำลังผลิตหน้ากาก N95 ที่ใส่สบายมาก ไม่รัด ไม่ตึง พูดได้ชัด ใส่ออกกำลังกายยังใส่ได้สบาย และควรมีเครื่องกรองอากาศในบ้านในยามที่ PM2.5 สูงมาก อย่างน้อยก็ 1-2 ห้อง รวมทั้งลดการปล่อยมลภาวะที่เป็นพิษด้วยการไม่เผาสิ่งต่างๆ ไม่ตัดไม้ทำลายป่า งดการจุดธูป เทียน ฯลฯ
โรคอ้วน แอลกอฮอล์ เชื้อ HBV และ HCV ทำให้เป็นโรคมะเร็งตับได้ เชื้อ HBV, HCV มีอยู่ในเลือดและผลิตภัณฑ์เลือด วิธีการติดต่อคือแม่ที่มีเชื้อส่งให้ลูกตอนลูกเกิด (แม่ที่มีเชื้อ B จะส่งให้ลูกได้ถึง 90% แต่แม่ที่มีเชื้อ C จะส่งให้ลูกได้เพียง 10%) จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ จากการใช้สารเสพติดโดยการใช้เข็มฉีดที่สกปรกร่วมกัน
จะเห็นได้ว่าถ้าเราไม่ได้เชื้อ HBV, HCV จากแม่ตอนเราเกิด ถ้าเรามีพฤติกรรมที่ไม่เสี่ยง (เช่น มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ไม่ใช้สารเสพติด) เราก็จะไม่ติดเชื้อทั้ง B และ C เลย ปัจจุบันนี้เชื้อ HBV มีวัคซีนฉีดป้องกันให้แล้ว รัฐบาลไทยฉีดให้ประชาชนไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2535 จึงหมดปัญหาไป ส่วนเชื้อ HCV ไม่มีวัคซีน แต่แม่ที่มีเชื้อจะส่งเชื้อให้ลูกได้ไม่เกิน 10% เท่านั้น และปัจจุบันนี้การรักษา HCV ดีมาก หายขาดได้ถึงกว่า 90% ปัญหาจาก Hep. B C จึงหมดไป เพียงแต่ว่าประชากรต้องไปตรวจว่ามีเชื้อ HBV, HCV หรือไม่ ถ้ามี ไปหาแพทย์ก็จบ องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดให้วันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวัน “World Hepatitis Day”เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปตรวจเชื้อ ถ้าสุภาพสตรีไปตรวจพบว่ามีเชื้อ C การรักษาจะทำให้หายขาด ฉะนั้นเมื่อตั้งครรภ์ก็จะไม่มีเชื้อส่งต่อไปให้ลูก
แต่ง่ายกว่าการไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ HBV, HCV และสะดวกมาก ไม่เสียตังค์ด้วย คือ การไปบริจาคโลหิต ท่านจะได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง ถ้ามีเชื้อ HIV, HBV, HCV ฯลฯ ทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย จะมีจดหมายแจ้งมาให้ท่านไปพบแพทย์ ถ้าเขาไม่แจ้งมา แสดงว่าเลือดท่านไม่มีเชื้อ ก็สบายใจได้ แต่ผมขอรบกวนให้ทุกท่านกรุณาไปบริจาคโลหิตต่อทุก 3 เดือน เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนร่วมโลก เพราะประเทศไทยยังต้องการโลหิตอีกมาก
ส่วนเชื้อโรคที่ทำให้เกิดมะเร็งของปากมดลูก ปัจจุบันนี้มีวัคซีนฉีดให้ฟรีตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แต่อย่างไรก็ตามไม่ป้องกัน 100% เพราะเชื้อ human poliovirus, HPV มีหลายสายพันธุ์ ฉะนั้นถึงแม้ฉีดวัคซีนแล้ว ยังควรไปตรวจคัดกรองหามะเร็งของปากมดลูก ที่อเมริกาแนะนำให้ตรวจเมื่อมีอายุ 21 ปี ฉะนั้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นระยะๆ เพื่อหา “ว่าที่” มะเร็ง ผมไม่อยากให้ใครสักคนเป็นมะเร็งปากมดลูก
โรคมะเร็งของท่อน้ำดีมาจากพยาธิใบไม้ตับซึ่งอยู่ในปลาน้ำจืด วิธีป้องกันก็เพียงอย่ากินปลาร้าดิบ ก้อยปลา ปลาส้มดิบ ฯลฯ
ถ้ามีกรดไหลย้อน ควรติดตามกับแพทย์เป็นระยะๆ ตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไหม จากเซลล์ปกติของหลอดอาหารเป็นเซลล์ของลำไส้ (Barrett’s) ซึ่งอาจจะเป็นว่าที่มะเร็งของหลอดอาหารได้ถ้าเป็น ควรติดตามกับแพทย์อย่างใกล้ชิด การป้องกันรักษาโรคกรดไหลย้อน คือ ควรดูแลตนเองไม่ให้อ้วน อย่ากินแล้วนอนภายใน 4 ชั่วโมง นอนหัวสูง อย่ากินอะไรที่กินแล้วมีอาการ ฯลฯ
ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าโรคมะเร็งหลายโรคสามารถลดความเสี่ยงได้มาก แค่เพียงดูแลเรื่อง อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ นอน บุหรี่ แอลกอฮอล์ สารเสพติดเพศสัมพันธ์ ตรวจสุขภาพ ตรวจคัดกรองหาโรคตามเกณฑ์แพทย์ คือ เต้านมปากมดลูก ลำไส้ใหญ่ ประเทศไทยอาจพิจารณาเพิ่มการตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งปอด โดยเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 50 ปี ทุกปีจนถึงอายุ 80 ปีในผู้ที่สูบบุหรี่ 20 มวนต่อวัน สูบมา 20 ปีหรือเคยสูบ โดยใช้ low dose (รังสีปริมาณต่ำ) CT ปอด เพราะการใช้เอกซเรย์ปอดธรรมดาไม่ได้ผล
การตรวจคัดกรองหามะเร็งของอวัยวะต่างๆ ในประเทศไทยมีการดำเนินการอยู่กับ 3 อวัยวะ คือ เต้านม ปากมดลูก และลำไส้ใหญ่ คือ สำหรับผู้หญิงอายุ 40 ปี ควรปรึกษาแพทย์เรื่องมะเร็งเต้านม สำหรับมะเร็งปากมดลูกควรฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุ 9 ปี และปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองเมื่อมีเพศสัมพันธ์หรืออายุ 21 ปี ส่วนมะเร็งของลำไส้ใหญ่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองเมื่อมีอายุ 50 ปี หรือถ้าบิดา มารดา ฯลฯ เป็นโรคนี้ เราควรไปตรวจ 10 ปี ก่อนอายุที่พ่อแม่เป็น เช่น พ่อ แม่ เป็นตอนอายุ 50 ปี เราควรไปตรวจตอนอายุ 40 ปี
การตรวจคัดกรอง คือ การไปตรวจทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ เช่น ในกรณีของมะเร็งปากมดลูก อาจพบเซลล์ผิดปกติเล็กน้อย หรือ “ว่าที่”มะเร็ง การรักษาจะง่ายมาก ส่วนมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเริ่มต้นจากติ่งเนื้อธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง โดยไม่มีอาการ ถ้าเราไปส่องกล้อง ทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ และพบติ่งเนื้อ แพทย์จะตัดออกภายในคราวเดียวกันเลย ติ่งเนื้อก็หมดสิทธิ์ที่จะกลายเป็นมะเร็ง แต่ถ้าเราไม่ไปตรวจ ติ่งเนื้อธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง จะค่อยๆ โตขึ้นและในที่สุดจะกลายเป็นมะเร็ง
ไม่มีอะไร 100% แต่ถ้าทุกๆ คนมีความรู้ เข้าถึงข้อมูล มีวินัยที่จะดูแลตนเองด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม จะลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ของ NCDs รวมทั้งมะเร็งได้อย่างมากมาย
เรื่องอะไรที่เราจะต้องมาป่วย ตาย เสียเงินเสียทอง เสียเวลา ให้กับโรคที่ป้องกันได้ ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวโลกไม่ต่ำกว่า 74% เพราะโรคที่ยังป้องกันไม่ได้ยังมีอีกมาก
บทความนี้อาจดี อ่านแล้วชอบ มีประโยชน์ แต่จะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าท่านเพียงแต่อ่าน และไม่ปฏิบัติตาม เหมือนไปวัดฟังพระเทศน์ที่ดีมากๆ แต่ออกมาปฏิบัติตัวอย่างเดิม
ขอให้ทุกท่านมีวินัยทางด้านพฤติกรรมชีวิตที่ดีครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี