ปัจจุบันนี้มีข้อมูลทางการแพทย์พอสมควรว่า อะไร หรือพฤติกรรมอะไร ทำให้เกิด หรือมีความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคมะเร็ง เช่น การสูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งของปอด ประมาณ 80% ของมะเร็งปอดในอเมริกาเกิดจากการสูบบุหรี่
โรคอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง 13 ชนิด (จากองค์การอนามัยโลก) คือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ เต้านม ตับ ตับอ่อน หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ต่อมลูกหมาก มดลูก รังไข่ ไทรอยด์ multiple myeloma (โรคของระบบเลือด) และ meningioma (สมอง)
เชื้อโรค Helicobacter pylori ในกระเพาะอาหารทำให้เกิดกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง แผล และมะเร็งของกระเพาะอาหาร ในโลกนี้มีประชากรครึ่งโลกที่มีเชื้อนี้ (ทั่วโลกมีประชากร 8,000 ล้านกว่าคน) แต่อุบัติการของเชื้อกำลังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากโลกเรา “สะอาดขึ้น” และเชื้อโรคนี้มากับความ “สกปรก” แต่ในความรู้ปัจจุบันนี้ ยังไม่แนะนำให้ทุกคนไปหาหมอเพื่อหาเชื้อโรค เพราะคนที่มีเชื้อนี้ตั้งแต่เกิดประมาณ 1% เท่านั้นที่จะเป็นมะเร็ง แต่ถ้าไปส่องกล้องกระเพาะอาหารด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม แพทย์มักจะตรวจหาเชื้อนี้ และถ้ามี ให้ยากำจัดเชื้อ
เชื้อไวรัส Human Papillo Virus (HPV) ซึ่งมักอยู่ในผู้ชาย และผู้ชายนำไปให้ผู้หญิงตอนมีเพศสัมพันธ์ เชื้อไวรัสนี้ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก อวัยวะเพศ ปาก ได้ ปัจจุบันนี้มีวัคซีนฉีดป้องกันโรคนี้แล้ว การฉีดตอนอายุ 9 ปี แต่ถึงแม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ควรไปตรวจคัดกรองเมื่อมีเพศสัมพันธ์
เชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C (Hepatitis BV, HC Virus)ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน เรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
เชื้อ HIV นอกจากทำให้เป็นโรค AIDS แล้ว ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
แอลกอฮอล์ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเฉียบพลัน เรื้อรัง ตับแข็งและมะเร็งตับได้
โรคกรดไหลย้อน ถ้าเป็นมากและนาน ทำให้เกิดโรคมะเร็งของหลอดอาหารได้
การกินเนื้อแดง (วัว หมู แพะ แกะ) และเนื้อแปรรูป ทำให้เกิดโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ได้ (WHO 10/2015)
และสารรังสีทำให้เกิดมะเร็งได้ ตั้งแต่การฉายแสงเอกซเรย์ สาร radon ฯลฯ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี
ภาวะอักเสบเรื้อรัง (chronic inflammation) ในร่างกายมีส่วนทำให้เกิดโรคต่างๆ รวมทั้งมะเร็งได้
มลภาวะเป็นพิษ-air pollution-ทำให้มีการเสียชีวิตในแต่ละปี รวมแล้วประมาณ 7 ล้านคน 29% ของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดทั้งหมด 25% ของโรคหลอดเลือดหัวใจ 24% ของโรคหลอดเลือดสมอง 43% ของโรคปอดอักเสบเรื้อรัง มาจากอากาศเป็นพิษ
แต่ยังเป็นสิ่งที่โชคดีมากสำหรับมนุษย์ที่วิธีการลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งทั้งหมดซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มโรค NCDs -non communicable diseases หรือโรคไม่ติดต่อทั้งหลาย (NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกถึง 71% ของการเสียชีวิตทั้งหมด, 41 ล้านคนจาก 57 ล้านคนที่เสียชีวิต) เป็นกลุ่มวิธีการเหมือนกันหมดในการป้องกันโรค NCDs ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ สมอง เบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน ฯลฯ นั่นก็คือ อาหาร และการออกกำลังกาย แถมด้วยพฤติกรรมต่างๆ อีกไม่กี่อย่าง เช่น การไม่สูบบุหรี่ การไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย หรือดื่มไม่เกิน 2 หน่วยของสหราชอาณาจักรต่อวันทั้งชายและหญิง การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย การไม่ใช้สารเสพติด การนอนหลับที่ดี อย่างเพียงพอคือ 7-9 ชั่วโมง การคิดบวก อารมณ์ดี การตรวจสุขภาพเป็นระยะๆการตรวจคัดกรองหาโรคทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ เช่น เต้านม ปากมดลูก ลำไส้ใหญ่ ฯลฯ การระวังอุบัติเหตุทางถนนและการหกล้ม เพราะอุบัติเหตุบนถนนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 2 ในประเทศไทย รองจากโรคมะเร็ง
การออกกำลังกาย (องค์การอนามัยโลก) คือ การเดินหรือวิ่ง หรือว่ายน้ำ หรือถีบจักรยาน ครั้งละ 30-60 นาที สัปดาห์ละ 5 ครั้ง อาหารควรกินหนักไปทางพืช ผัก ปลาทะเล ปลาน้ำจืด ไก่ที่ไม่มีหนัง ผลไม้ ลดหรืองดเนื้อแดง เนื้อแปรรูป หวาน เค็ม มัน โดยกินน้ำตาลไม่เกิน 5 ช้อนชาต่อวัน ทั้งในการปรุงอาหารและใส่ในชา กาแฟ กินเกลือไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน(หรือ 2 กรัม Na-sodium/วัน หรือน้ำปลาไม่เกิน 3 ช้อนชา) น้ำมันพืชไม่เกิน 6 ช้อนชา ไม่กิน หรือลดน้ำหวาน ของหวาน แป้ง(ควรกินแป้งเท่าที่จะใช้เท่านั้น) แม้แต่น้ำผลไม้ก็ไม่ควรซื้อกิน ถ้าจะกินก็ปั่นเอง แต่ถึงกระนั้นก็อย่าปั่นบ่อยๆ เพราะการคั้นน้ำส้มแก้วเดียวอาจต้องใช้ส้ม 7 ผล ผลหนึ่งอาจให้พลังงานถึง 50 กิโลแคลอรี่ ถ้าจะกินน้ำส้ม กินส้มทั้งผลจะดีกว่า
ออกกำลังกายเท่าใดก็จะไม่สามารถลดน้ำหนักได้ ถ้าไม่คุมอาหารด้วย เพราะการที่จะเผาผลาญ ขนมปัง 1 แผ่นจะต้องเดินหรือวิ่งประมาณ 1 ไมล์!! หลักการของการลดน้ำหนัก คือ กินน้อยกว่าใช้จะลดน้ำหนักได้แน่ๆ และต้องค่อยๆ กิน กินช้าๆ กินของที่ให้พลังงานน้อยก่อน เช่น ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร กินซุปผักมากๆ ค่อยๆ เคี้ยว เพราะกว่าร่างกายจะรู้ว่าอิ่มต้องใช้เวลา 20 นาที ถ้ารีบกินจะกินไปได้เยอะก่อนจะรู้ว่าอิ่ม แต่ถ้าค่อยๆ กินสารที่ไม่ให้พลังงานก่อน เวลาผ่านไปแล้ว 20 นาทีจะไม่ค่อยได้กินอะไรเลย แต่รู้สึกว่าอิ่มแล้ว
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี