ปัจจุบันนี้แพทย์เชื่อว่าการอักเสบเรื้อรังเป็นบ่อเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย แต่ถ้าเรามีพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ดีเช่น การกินอาหาร ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ มีอารมณ์ที่ดี ก็จะช่วยลดภาวะการอักเสบเรื้อรังนี้ได้
การอักเสบเป็นวิธีการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ หรือการบาดเจ็บทางร่างกาย หรือกับเชื้อโรคต่างๆ ร่างกายจะส่งเซลล์มาสู้กับเชื้อโรคที่บุกรุกร่างกาย รวมทั้งขจัด “ขยะ” ที่เกิดขึ้น และรักษาให้แผลหาย การอักเสบเป็นระบบที่สำคัญที่จะปรากฏเมื่อร่างกายมีความจำเป็น แต่เมื่อภัยต่างๆ ผ่านพ้นไปแล้ว ระบบการดูแลร่างกายนี้ก็จะกลับสู่ปกติ
แต่ในบางกรณีระบบภูมิคุ้มกันยังดำเนินการต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งการมีพฤติกรรมชีวิตที่ไม่ดีจะทำให้มีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันตลอดเวลา ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้มีการทำลาย tissue (เนื้อเยื่อ) และอวัยวะต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหอบหืด โรคrheumatoid arthritis (ข้ออักเสบรูมาตอยด์) inflammatory bowel disease, IBD (โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง) เบาหวาน โรคหัวใจ สมองเสื่อม น้ำหนักขึ้น หัวใจวาย และอัมพาต ฯลฯ
แต่มนุษย์ยังโชคดีที่-ถึงแม้ยังไม่เป็นที่เข้าใจดีนัก-การมีพฤติกรรมชีวิตประจำวันที่ดีจะลดความเสี่ยงต่อการมีการอักเสบเรื้อรังนี้ เช่น การกินอาหารเพื่อสุขภาพ การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อย่างสม่ำเสมอ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพและเพียงพอ การดูแลรักษาช่องปากให้สะอาดตลอดเวลา การลดความเครียด (stress) ต่างๆ จะช่วยลดภาวะการอักเสบได้
วิธีลดภาวะการอักเสบเรื้อรังเป็นวิธีการดูแลสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคทั่วๆ ไปด้วย คือ
1) กินปลาทะเลที่มีไขมัน (ที่ดี) อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เช่น ปลาแซลมอน หรือปลาทะเลอื่นๆ ที่มีไขมันมาก เช่น anchovy (ปลากะตัก), halibut, ปลาซาร์ดีน (sardines), ปลาทูน่า (tuna) ฯลฯ ปลาพวกนี้มีกรดไขมัน omega3 มาก ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต และ Alzheimer’s disease ร่างกายเราสร้างกรดไขมัน omega3 ไม่ได้ เราต้องกินเท่านั้นจากอาหาร วิธีการอื่นๆ คือ ลดการกินอาหารแปรรูป เนื้อแดง หรือน้ำตาล และต้องพยายามกินพืช ผัก ผลไม้ วันละ400 กรัม fiber (กากเส้นใยอีก 30-40 กรัม) รวมทั้งถ้าที่นอนฟูก (mattress)ไม่เหมาะสม ทำให้นอนไม่หลับ ก็จะทำให้มีการอักเสบเรื้อรัง การอดนอนเป็นประจำจะทำให้มีโอกาสอ้วน ซึ่งก็จะมีความสัมพันธ์กับการอักเสบ การนอนคืนละ 7-9 ชั่วโมง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ มากมาย
ควรแปรงฟันสม่ำเสมอ อย่างถูกต้อง อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน และควรใช้ dental floss (ไหมขัดฟัน) อย่างน้อย 1 ครั้งก่อนนอน การแปรงฟันจะกำจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจทำให้เหงือกอักเสบออกไป การอักเสบของเหงือกทำให้มีการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้มีการอักเสบหรือติดเชื้อ ณ ที่อวัยวะอื่นๆ มีหลักฐานว่า เชื้อโรคจากปากสามารถเดินทางไปที่หัวใจ ปอด และสมอง ได้ การอักเสบของเหงือกมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งกับโรคเบาหวาน
การออกกำลังกายแบบแอโรบิกนอกจากจะช่วยทำให้หัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนโลหิตแข็งแรง เช่น การเดินเร็วๆ (brisk walking) ยังจะช่วยลดไขมันในร่างกาย ไขมันมีสารหรือสิ่งที่เพิ่มการอักเสบ มนุษย์ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิก 30-60 นาทีต่อครั้ง 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือ 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ ถ้าไม่เคยออกกำลังกายหรือหยุดไปนานอาจเดินวันละ 5 นาทีก่อน และค่อยๆ เพิ่มจนทำได้ 30 นาทีต่อครั้ง
ควรหัดหายใจเข้า-ออกลึกๆ ถ้ามีความเครียดจะยิ่งทำให้ร่างกายมีการอักเสบ ความเครียดมีความสัมพันธ์กับโรค rheumatoid arthritis โรคหลอดเลือด ความเศร้า และ IBD (โรคที่มีการอักเสบของลำไส้ใหญ่)
เพื่อเป็นการลดภาวะความเครียด กดดัน ควรฝึกหายใจลึกๆ ทุกๆ วันหรือฝึกออกกำลังกายเพื่อการผ่อนคลาย เช่น โยคะ การศึกษาพบว่าคนที่ฝึกการออกกำลังกายต่างๆ แบบนี้ จะไม่ค่อยมีความกดดัน ไม่เครียด และมี marker (เครื่องหมาย) ของการอักเสบในเลือดลดลง การฝีกหายใจเข้า-ออกลึกๆ อย่างง่ายๆ คือ นั่งเงียบ หายใจเข้าลึกๆ และหยุดค้างไว้3 วินาที หายใจออกและหยุดไว้ 3 วินาที ทำแบบนี้อย่างน้อย 1 นาที
แต่ไม่ใช่ทำวิธีหนึ่งวิธีใดเท่านั้น ควรพยายามทำหลายๆ อย่างไปด้วยกันเช่น กินปลาแซลมอน ไม่กินอาหารแปรรูป กินผัก ผลไม้มากๆ ไม่กินหวาน เค็ม ออกกำลังกาย นอนให้ดีและพอ หายใจลึกๆ ฯลฯ
การดูแลสุขภาพของช่องปากมีความสำคัญมาก มีประมาณ 300 โรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพปาก!? จากการศึกษาวิจัยคน 2,100 คนที่มีอายุระหว่าง 50-64 ปี พบว่ามากกว่า 1 ใน 3 มีปัญหาทางด้านฟัน ทำให้มีการขาดงานหรือมีอาการปวดมีปัญหาในการกิน หรือมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพภายใน 2 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 2/3 มีการไปพบทันตแพทย์ในรอบปีที่ผ่านมา แต่ 1 ใน 4ไม่ได้ไปหาทันตแพทย์เพื่อการตรวจป้องกันภายใน 3 ปีที่ผ่านมา!?
ปัญหาของสุขภาพช่องปากไม่ได้มีผลต่อปากเท่านั้น แต่ยังไปเกี่ยวข้องกับอวัยวะอื่นๆ อีกด้วย เพราะเชื้อโรคและการอักเสบไปได้ทั่วร่างกายตามกระแสเลือด โดยเฉพาะหัวใจ ผู้ที่มีปัญหากับเหงือกและผู้ที่สูญเสียฟัน มักมีโอกาสสูงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ใน Journal of the American Dental Association พบว่าผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลด้วยโรคหลอดเลือด ถ้าไม่มีการดูแลระบบฟันในรอบปีก่อน จะอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่าผู้ที่มีการดูแลฟัน และในวรสาร Diabetes Care 2020 ประเมินว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่มี periodontitis (การอักเสบของเหงือกและกระดูก) การดูแลเหงือก ฟัน ที่ดี จะลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ไต ประสาท ตา ลง 20% จะพบโรค periodontitis มากกว่า 3 เท่าในคนที่เป็นเบาหวาน รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคเหงือกที่แก้ยังไม่ได้จะมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
การแปรงฟันควรแปรงอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ครั้งละ 2 นาที วิธีการแปรงสำคัญกว่าการแปรงแรงๆ
และการทำความสะอาดระหว่างช่องฟันด้วยการใช้ dental floss และแปรงจิ้มฟัน
หมอฟันที่ดีไม่ได้ดูเฉพาะ ฟัน เหงือก แต่ควรดูปากทั้งปาก เพื่อดูว่ามีมะเร็งหรือไม่ในปาก และมะเร็งของ head and neck ด้วย การคลำแถวๆ คอ กราม คาง ว่ามีก้อนอะไรหรือไม่ ในอเมริกามีคนเป็นมะเร็งของ head and neck ถึงปีละ 66,000 คน และมีคนเสียชีวิตถึง 15,000 คน
สุขภาพของช่องปากจึงมีความสำคัญมากต่อสุขภาพของทั้งร่างกาย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี