ผมสอนลูกศิษย์ ประชาชน เสมอว่า พยายามมีคุณสมบัติ4 ประการ เพื่อเป็นอาวุธติดตัว เป็นผ้ายันต์กันอันตรายทั้งปวง เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และอย่างมีความสุข เพราะชีวิตคือ การบริหารความเสี่ยง ตั้งแต่เกิดจนตาย คนเราจะพบปัญหาตลอดช่วงชีวิต ต้องรู้จักแก้ปัญหา บริหารความเสี่ยง ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองในทุกๆ ด้าน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
คุณสมบัติ 4 ประการนี้ คือ
1) ดี ต้องมีความดีเหนือสิ่งอื่นใด ถ้าคนทุกคนหรือคนส่วนใหญ่เป็นคนดี ปัญหาทุกอย่างแทบจะหมดไปในประเทศในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีความเก่งด้วย เพราะคนดี คือ คนที่มีเหตุผล คนที่เห็นแก่ส่วนรวม เห็นอกเห็นใจคนอื่นฟังทุกคน ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่โกง ไม่กิน ฯลฯ
2) เป็นคนดีแล้วต้องเก่งด้วย จะเก่งด้วยจะต้องมีโอกาสเรียน จับประเด็นเป็น รู้หัวใจของเรื่อง และที่สำคัญ คือ ต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะสูงอายุแค่ไหน ต้องพยายามพัฒนาตนเอง หาความรู้ใส่ตัวเสมอ ฯลฯ
นั่นเป็นพื้นฐานของความเก่ง แล้วจะต้องเก่ง 7 อย่าง คือ เก่งคิด เก่งคน เก่งงาน เก่งเงิน เก่งเวลา เก่ง “ขาย” และเก่งฟัง
เก่งคิด คือ คิดตลอดเวลา คิดวางแผน มีวิสัยทัศน์ คิดนอกกรอบ เจอปัญหาหรือทางตัน อย่ายอมแพ้ พยายามหาทางออก คิดสร้างสรรค์ คนที่จะเก่งคิดได้ ต้องผ่านโลกมาเยอะ อ่าน เขียน ฟัง ท่องเที่ยว มีประสบการณ์มาก อย่าเพียงคิดในกรอบ ต้องคิด out of the box เพราะถ้าคิดในกรอบ เราจะคิดไม่ออกเพราะกรอบจะไม่ให้เราคิด แต่ถ้าคิดนอกกรอบแล้วอย่าเพิ่งทำ ดูก่อนว่ากฎหมาย ระเบียบ กฎเกณฑ์จะสามารถให้เราทำได้หรือไม่ ฯลฯ จำไว้ว่าระเบียบก็เขียนด้วยคน แก้ได้
เราต้อง เก่งคน คือ ดูคนออก ใช้คนเป็น ว่าคนนี้ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ใช้เขาให้เหมาะสมกับความสามารถของเขา มีทั้งแข็งและนุ่มในตัว สามารถกระตุ้น โน้มน้าวให้เขามาช่วยเราด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่เพราะบังคับ เนื่องจากเรามีอำนาจเท่านั้น เขาจะได้มาทั้งกายและใจ เราต้องสร้างบารมี (ในทางที่ดี)ให้ตนเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ถึงแม้เราเกษียณ ไม่มีอำนาจ ก็ยังอาจขอความร่วมมือจากคนอื่นๆ ได้
และจะต้องมีความสามารถที่จะเข้าได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ฯลฯ
เก่งงาน ต้องรู้หน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี ต้องพยายามศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับงานในหน้าที่เป็นอย่างดี ต้องตีบทให้แตกว่าหน้าที่คืออะไร เก่งคิดเกี่ยวกับหน้าที่ ทำให้เต็มที่ ทั้งวางแผน อ่านทุกอย่างที่จะช่วยทำให้ทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่ง ดูว่าตนเองมีจุดอ่อนอะไรในหน้าที่ แล้วต้องพยายามพัฒนาจนไม่มีจุดอ่อน ฯลฯ
เก่งเงิน ต้องรู้จักหาเงินเก่ง ใช้เงินให้เป็น ให้คุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้เงินไปต่อเงินให้เราอย่างมีประสิทธิภาพบางโครงการ ถ้าคิดเก่ง ก็อาจไม่ต้องใช้เงิน หรือสามารถใช้เงินของผู้อื่น ฯลฯ
เก่งเวลา ห้ามฆ่าเวลา อย่าให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ทุกๆ คนมีเวลาเท่ากัน เช่น ดูทีวีไปออกกำลังกายไป ระหว่างออกกำลังกาย ฟังเทศน์ ฟังเรื่องการลงทุน หลังออกกำลังกาย ระหว่างรอให้เหงื่อแห้ง ก่อนอาบน้ำ อย่าอยู่เฉยๆ อ่านอะไร หรือฟังอะไร เพื่อเป็นการหาความรู้รอบตัวไปเรื่อยๆ ฯลฯ คนที่บริหารเวลาเก่งจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่ไม่เก่งเวลา
เก่ง “ขาย” คือ การเขียน พูด อธิบาย เก่ง จนทุกคนเชื่อคล้อยตาม จะ “ขาย” เก่งได้จะต้องมีประสบการณ์ คบกับคนหลายๆ อาชีพ ของที่จะ “ขาย” ต้องเป็นเรื่องที่ดี และต้อง “ขาย” ให้เก่ง สรุปก็คือ ต้อง “รู้จริง” ในเรื่องที่จะ “ขาย” สามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ 3 วัน 3 คืน แต่ถ้าจำเป็นสามารถพูดได้ภายใน 5 นาที คือรู้ “หัวใจของเรื่อง” ของที่จะขายเป็นเรื่องที่ดี เป็นข้อมูลที่จริง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่ใช่แต่ว่าพูด เขียนเก่ง แต่เป็นเรื่องไม่จริง ฯลฯ
และท้ายสุด ไม่ว่าจะใหญ่โตแค่ไหน จะต้องเก่งฟังด้วย คนที่ไม่ฟัง ไม่อ่าน จะไม่มีข้อมูล คนที่ไม่มีข้อมูล คือคนตาบอด ทำอะไรก็มักจะไม่สำเร็จ สมัยนี้จึงต้องมีการเก็บข้อมูลตลอด จนเกิดคำว่า big data ฯลฯ
แต่จากประสบการณ์ของผม คนจำนวนมากยังไม่ดีจริง ประเทศไทยเรามีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ชายหาด ทะเล ภูเขา ป่า แม่น้ำ อาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ อร่อย แต่สิ่งที่เราขาดมากๆ คือ คนที่ดี คนที่เห็นแก่ส่วนรวม คนที่มีคุณภาพ คนที่มีวินัย ฯลฯ อย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน แทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเลย แต่เขามีประชากรที่มีคุณภาพ มีวินัย ฯลฯ
ถ้าทุกๆ คนเป็นคนดี หรือคนส่วนใหญ่เป็นคนดี ประเทศไทยจะเจริญมาก และเร็วกว่านี้ เช่น ถ้าทุกพรรคการเมืองเป็นพรรคที่มีคนดีมากๆ มีคุณธรรม จริยธรรม เมื่อรัฐบาลชุดเก่าไป รัฐบาลชุดใหม่เข้ามา อะไรที่รัฐบาลชุดเก่าทำไว้ดี รัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องชื่นชมทำต่อโดยไม่รื้อใหม่ ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไป พรรคการเมืองต่างๆ จะเคารพนับถือซึ่งกันและกันและประเทศจะเจริญ
ตัวอย่างของการเป็นคนดี คือ ประเทศไทยจะสร้างเขื่อนหรือไม่ ถ้าทุกๆ คนเป็นคนดี(ที่เก่งด้วย) จะเอาข้อดี และข้อไม่ดี ของการสร้างเขื่อนมาเปรียบเทียบกันดู
ถ้าเป็นเช่นนี้ การตัดสินใจก็จะเป็นไปได้อย่างง่ายๆ เพราะทุกๆ คนฟังเหตุผล เอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ฯลฯ
จะยังมีตัวอย่างอีกครับในโอกาสต่อไป
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี