มีคำถามที่ค้างคาใจคนไทยมาตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาคือ ใครกันแน่ที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วินาศกรรมที่ศาลพระพรหม ที่สี่แยกราชประสงค์ (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 18.55 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2558
เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยลบเลือนหรือจางหายไปจากความคิดของคนไทย ไม่ว่าจะผ่านพ้นไปนานสักเพียงใดก็ตาม แล้วที่น่าตั้งข้อสังเกตมากที่สุดคือ ทำไมต้องเกิดเหตุในช่วงหลังจากวันแห่งความสุขใจของคนไทยเพียงวันเดียว (วันที่ 16 สิงหาคม 2558 คือวันที่คนไทยทั้งประเทศร่วมกันจัดงาน Bike for Mom ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่คนไทยมีความปลื้มปิติเป็นอย่างมาก)
ย้อนหลังกลับไปเมื่อช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 21 มีนาคม 2549 ได้เกิดเหตุชายผู้หนึ่ง อายุประมาณ 30 ปี ใช้ค้อนทุบทำลายรูปปั้นท้าวมหาพรหม ที่ประดิษฐานอยู่ในศาล ณ สี่แยกราชประสงค์ จากนั้น ชายคนที่ถูกระบุว่า ก่อการก็ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตที่หน้าโรงแรมชื่อดังที่อยู่ติดกับศาลพระพรหม
เรื่องไม่ปกติในครั้งนั้น ซึ่งแม้ผ่านมานานถึง 10 ปีแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังดูมืดมิด ไม่มีคำตอบกระจ่างชัดเจนจนทำให้ผู้ฟังสามารถเชื่อได้โดยสนิทใจ และโปรดอย่าลืมว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดในช่วงของรัฐบาลใด ใครเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วสถานการณ์การเมืองในช่วงนั้นเป็นเช่นไร
มายุคปัจจุบันนี้ โดยเมื่อวันที่ 11-12 สิงหาคม 2559 ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่ปกติ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเหตุวินาศกรรมต่อเนื่องในหลายจังหวัดของประเทศไทย ดังปรากฏเป็นข่าวที่รับทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่า เหตุวินาศกรรมดังกล่าว ส่งผลให้มีคนเสียชีวิตแล้ว 4 ราย บาดเจ็บกว่า 30 ราย และส่งผลให้ประชาชนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ในประเทศไทยเกิดความหวาดวิตกเป็นอย่างมาก
มีคำถามว่า ทำไมเหตุวินาศกรรมเช่นนี้จึงเกิดขึ้นในช่วงหลังวันลงประชามติ ใครคือผู้เกี่ยวข้อง ใครบงการ ใครลงมือก่อเหตุ
เรื่องเลวทรามชั่วช้าเช่นนี้ เกี่ยวข้องโยงใยกับปมประเด็นการเมืองหรือไม่ คำตอบนี้ นักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยรู้ดีอยู่แก่ใจ
นอกจากนักการเมืองจะรู้คำตอบแล้ว คนไทยที่ติดตามประเด็นทางการเมืองอย่างใกล้ชิดก็สามารถตอบได้ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลชุดปัจจุบันก็พยายามอ้างว่าเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยความจงใจจัดฉากของรัฐบาลทหาร เพื่อหวังให้บ้านเมืองไม่ปกติ แล้วรัฐบาลทหารจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ความเด็ดขาดเพื่อจัดการกับฝ่ายตรงข้าม และเพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้ตนเองสามารถอยู่ในอำนาจได้ต่อไป
แต่ไม่ว่าฝ่ายใดจะอ้าง หรือสาดโคลนใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไร แต่ความจริงก็คือความจริง และถึงแม้ขณะนี้ ฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐจะยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดที่ก่อเหตุวินาศกรรมนี้ไปดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายได้ก็ตาม แต่สำหรับประชาชนที่รู้ทันความเลวทราม ความชั่วช้าของนักการเมืองบางคน บางกลุ่ม และบางพวกได้เป็นอย่างดี ก็ปักใจเชื่อแล้วว่า ใครคือผู้บงการให้ก่อเหตุวินาศกรรมครั้งนี้
ไม่จำเป็นต้องถามว่า คนก่อเหตุร้ายหนนี้เป็นคนไทยหรือเปล่า เพราะคำตอบที่หลายต่อหลายคนมั่นใจคือ คนบงการคือคนไทย เป็นคนไทยที่เสียผลประโยชน์ทางการเมือง เป็นคนไทยที่ไม่ต้องการเห็นชาติบ้านเมือง และพี่น้องประชาชนคนไทยมีความสงบสุข เป็นคนไทยที่มุ่งหวังจะเห็นบ้านเมืองแตกแยกแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย และต้องการเห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟในยามที่ตนเองปราศจากอำนาจรัฐ
คนไทยผู้บงการให้เกิดเหตุวินาศกรรมนี้ เป็นคนที่ไม่สามารถอดทนเห็นใครมีอำนาจรัฐมากเกินว่าตนเองได้ คนบงการผู้นี้จะอยู่บนแผ่นดินไทยในขณะนี้หรือไม่ คำตอบนี้คนไทยที่รักชาติและรักความถูกต้องต่างตอบได้กระจ่าง
คนไทยมั่นใจว่ารัฐบาลทหารชุดปัจจุบันรู้อยู่เต็มอกว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง และคงกำลังเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อจัดการขั้นเด็ดขาดตามกระบวนการของกฎหมาย คนไทยเชื่อด้วยว่า หากรัฐบาลนี้จะเอาจริง ก็จะต้องนำตัวคนทำผิดไปลงโทษจนได้
มีคำถามว่า ทำไมในเมื่อรัฐบาลทหารรู้แล้วว่าใครคือผู้บงการ แล้วเหตุใดจึงยังปล่อยผู้บงการไว้อีก การทำเช่นนี้เท่ากับรู้เห็นเป็นใจกับผู้บงการหรือไม่ คำตอบคือ ถึงแม้จะรู้แน่ชัด แต่ถ้าไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะมัดตัวผู้บงการได้ ก็ยังไม่ควรใช้อำนาจบาตรใหญ่เข้าไปจัดการกับผู้บงการ เพราะจะทำให้เกิดผลเสียต่อบ้านเมืองมากกว่า การใช้อำนาจโดยไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ชัดเจนโปร่งใสย่อมทำให้ประเทศไทยสูญเสียความน่าเชื่อถือ และความน่าศรัทธาในสายตาและการรับรู้ของประชาคมโลก
คนไทยที่มีสติปัญญาต่างรู้ดีกันทุกคนว่า คนที่เคยประกาศว่าถ้าผมไม่มีความสุข ก็อย่าหวังเลยว่าประเทศนี้จะมีความสงบสุขคือผู้มีส่วนเกี่ยวพันทั้งทางตรงและทางอ้อมกับเหตุวินาศกรรมหลายต่อหลายครั้งในประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา
ผู้บงการให้ก่อเหตุวินาศกรรมจะเป็นคนคนเดียวกับผู้ที่เคยประกาศว่า “ผมเป็นเหมือนหมาจนตรอก.....” (ประกาศคำนี้เมื่อเดือนธันวาคม 2551) หรือเป็นคนคนเดียวกับผู้ที่เคยประกาศว่า“ผมอยากกลับประเทศไทย เพื่อกลับมารับใช้พี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้ผมกลับประเทศไทยได้ พี่น้องต้องออกมาบนถนนเยอะๆ แล้วผมจะกลับมาอยู่กับพี่น้อง” หรือจะเป็นคนเดียวกันที่พูดว่า “หากเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น ผมจะกลับมาเดินนำหน้าพี่น้องประชาชน” ผู้พูดประโยคเหล่านี้คือคนคนเดียวกับผู้ปลุกระดมให้คนไทยลุกขึ้นมาฆ่ากัน และเผาบ้านเผาเมือง หรือไม่ หรือเป็นคนคนเดียวกับผู้ที่บงการให้ก่อเหตุวินาศกรรมในประเทศไทยครั้งล่าสุดนี้หรือไม่
คำตอบคือ คนไทยรู้ดี ทหาร-ตำรวจไทยก็รู้ดี และกลุ่มคนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุดในขณะนี้ก็คือ รัฐบาลทหารและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงวิพากษ์ดังก้องอยู่ในสังคมไทยว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ดีอยู่แก่ใจก็คือ เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยคนล่าสุด และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาที่ทำหน้าที่สอดแนมสถานการณ์ในประเทศไทย
ส่วนเหตุวินาศกรรมครั้งนี้จะเกี่ยวพันกับผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 หรือไม่ คำตอบนี้คนไทยก็เชื่อว่า แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงรู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่ก็ยังมีคำถามค้างคาใจว่า แล้วบรรดา NGOs ที่ออกมาประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงเหล่าคนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ที่ชอบเรียกตัวเองว่าปัญญาชนหรือนักวิชาการจะล่วงรู้เรื่องเลวๆ แบบนี้มาก่อนล่วงหน้าบ้างหรือไม่ คำตอบนี้ยังไม่มีใครกล้าฟันธงลงไปชัดๆ เพราะไม่มีใครเชื่อมั่นในสติปัญญาของคนจำพวกนี้เท่าไรนัก
ส่วนนักข่าวสำนักข่าวบีบีซี ประจำประเทศไทย ชื่อโจนาธาน เฮด ที่ปักหลักหากินอยู่ในไทยแบบที่ว่าชั่วชีวิตนี้คงจะไม่ไปทำข่าวที่ไหนอีกแล้ว เพราะหลงรักเมืองไทยมากจนเกินจะถอดใจ จะรู้ล่วงหน้ามาก่อนหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุวินาศกรรมเช่นนี้ในประเทศไทย ก็คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้กระจ่างเท่ากับตัวของโจนาธานและเมียของเขา
คุณผู้อ่านเล่าครับ คุณคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมนี้ ใครบงการ คนบงการมีหน้าตาและตัวตนเช่นไร คุณตอบได้ใช่ไหมครับ
ผมขอถามอีกครั้ง คุณคิดว่า ผู้ที่เคยพูดว่า ถ้าผมไม่มีความสุข ก็อย่าหวังเลยว่า ประเทศนี้จะมีความสงบสุข เกี่ยวข้องกับเหตุวินาศกรรมครั้งล่าสุดในประเทศไทยหรือไม่ โปรดตอบด้วยครับ และคุณคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร เงียบหายไปกับสายลมเหมือนเช่นเคย หรือจะคิดว่า คสช.และรัฐบาลทหารชุดนี้จะสามารถนำตัวคนทำผิดไปลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้ในเร็ววันนี้
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี