พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศทรงสถิตในสิริราชสมบัติเป็นเวลายาวนานที่สุดยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลก ตลอดระยะเวลาร่วม 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทรงยึดมั่นในพระบรมราชปณิธานที่ทรงประกาศไว้เมื่อครั้งเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยสิริราชสมบัติ
ในครั้งนั้นทรงประกาศว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
กาลเวลา 70 ปีผ่านไป พระสุรเสียงนั้นยังคงก้องกังวานไปทั่วสากลโลก จนกระทั่งสหประชาชาติต้องกระทำพิธีสดุดีอย่างเป็นทางการให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกไปแล้ว ในขณะที่ประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งองค์กรต่างๆ ทั่วโลกก็ได้ถวายสดุดีเป็นที่เอิกเกริกกึกก้องยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์หรือผู้นำประเทศอื่นที่เคยล่วงลับแล้ว
ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมาทรงอุทิศพระองค์ในการบำรุงธาตุทั้งห้าของแผ่นดินให้เป็นปกติ ในท่ามกลางสถานการณ์แปรเปลี่ยนถึงขั้นวิกฤติ ทรงทำนุบำรุงปรับปรุงธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ของพระราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง
ทำให้อาณาประชาราษฎร์ทั้งปวงมีความร่มเย็นเป็นสุข แผ่นดินอุดม น้ำท่ามีพอแก่การใช้สอย อากาศบริสุทธิ์ และมีพลังงานใช้สอยไม่ขัดสน
โครงการตามพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการเกิดขึ้น ซึ่งล้วนเป็นไปเพื่อทำนุบำรุงธาตุทั้งสี่คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ของแผ่นดินทั้งสิ้น เป็นกรณียกิจที่ไม่มีพระเจ้าแผ่นดินหรือผู้นำชาติใดในโลกเคยกระทำมาก่อน
เพราะการทำนุบำรุงธาตุทั้งสี่ของแผ่นดินดังกล่าวนั้นก็เช่นเดียวกันกับการบำรุงธาตุทั้งสี่ในร่างกายนี้ให้มีความเป็นปกติ ซึ่งเมื่อมีความสมดุลเกิดขึ้นแล้วร่างกายนี้ก็จะเป็นปกติ ประเทศก็เช่นเดียวกัน เมื่อดิน น้ำ อากาศ พลังงานสมดุลและสมบูรณ์อาณาประชาราษฎร์ก็จะมีความร่มเย็นเป็นสุข
นั่นเป็นเรื่องของธาตุทั้งสี่ที่ทรงทำนุบำรุงโดยมิทรงเห็นแก่ความเหนื่อยยากพระวรกาย จนพระราชกรณียกิจมากหลายได้กลายเป็นตำนานเล่าขานก้องกระหึ่มไปทั่วราชอาณาจักรดังที่ทุกคนกำลังสัมผัสอยู่ ณ บัดนี้
โครงการตามพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ กำลังได้รับการสานต่อจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเข้มข้น ซึ่งเนื้อแท้แล้วขอเพียงสานต่อโครงการตามพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการนี้ให้สำเร็จสมบูรณ์ ประเทศไทยก็จะสามารถบรรลุถึงการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยที่ต่อยอดจากพระบรมราชปณิธานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้สำเร็จเป็นเบื้องต้น และจะทำให้พระบรมราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศที่ทรงประกาศไว้เมื่อขึ้นครองราชสมบัติได้ปรากฏเป็นจริงได้ด้วย
ยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล คสช. มุ่งมั่นก็จักประสบผลสำเร็จอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ ธาตุทั้งสี่ของแผ่นดินก็จะสมบูรณ์ มีเสถียรภาพมั่นคง ประเทศไทยก็จะธำรงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนสืบไป
ทว่าประเทศก็เช่นเดียวกันกับคนเรานี้ หาได้มีแค่ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบไม่ แต่ยังมีธาตุที่ห้าคืออากาศธาตุหรือวิญญาณธาตุเป็นธาตุสำคัญกำกับอยู่ด้วย
คนเราจะชั่ว จะดี จะคิดผิด คิดถูก จะพูดดี พูดร้ายจะทำผิด ทำชั่ว ก็เป็นผลมาจากความคิดจิตวิญญาณหรือวิญญาณธาตุอันประกอบอยู่ในตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอบรมสั่งสอนและสั่งสมมา จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้นๆ
ชีวิตคนเราเป็นฉันใด ชีวิตประเทศไทยก็ฉันนั้น ความคิดจิตวิญญาณของประเทศไทยก็คือความคิดจิตวิญญาณของคนที่ประกอบขึ้นเป็นชาติ
พระมหาราชเจ้าผู้ทรงธรรมอันประเสริฐ ทรงรู้ ทรงเข้าใจและทรงประพฤติปฏิบัติพระองค์มาตลอดพระชนม์ชีพทรงเป็นผู้ปฏิบัติธรรม เป็นผู้ประพฤติธรรม เป็นผู้เคารพธรรมเป็นผู้ถือธรรมเป็นใหญ่ และในที่สุดก็ทรงเป็นผู้ทรงธรรมและบรรลุธรรมอันประเสริฐในพระพุทธศาสนาด้วย
พระมหาราชเจ้าพระองค์นี้เมื่อทรงบรรลุธรรมแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ทรงอบรมสั่งสอนผู้คนด้วยพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง ทรงพร่ำสอนพสกนิกรของพระองค์เป็นเวลายาวนานในทุกเรื่องทุกราว เพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ดำรงตนเป็นคนดี เป็นคนที่สมแล้วที่เกิดเป็นคนทรงสอนให้สนับสนุนให้คนดีมีอำนาจปกครองบ้านเมือง ทรงเตือนให้ป้องกันขัดขวางอย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมือง
กระทั่งทรงสาปแช่งให้คนทุจริตต้องมีอันเป็นไป และทรงอำนวยพรให้แก่ผู้สุจริตให้มีความสวัสดี
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานแห่งรัชสมัยพระมหาราชเจ้าพระองค์นี้ทรงอบรมสั่งสอนพสกนิกรของพระองค์เป็นอเนกอนันต์ประการ แต่สามารถสรุปเป็นนัยสำคัญได้ดังต่อไปนี้
ประการแรก ตรัสสอนให้คนเราทุกคนรู้จักหน้าที่ เคารพหน้าที่ และทำหน้าที่ที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบ ถึงขั้นทรงกำชับว่าใครมีหน้าที่แล้วไม่ทำหน้าที่ให้ออกไป เพราะขืนอยู่ก็เหมือนกับเป็นจระเข้ขวางคลอง เป็นเกาะแก่งกีดกระแสกุศลที่มีแต่จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความดีความงามและความสร้างสรรค์ทั้งหลายให้มลายหายสูญไป
ประการที่สอง ตรัสสอนให้คนเราทุกคนรู้จักความดีรู้จักความชั่ว ให้ละวางห่างเว้นจากความชั่ว ให้ส่งเสริมสั่งสมคุณงามความดีไว้ เพราะเมื่อทุกคนเป็นคนดี คิดดี พูดดีทำดีแล้ว ประเทศไทยก็ย่อมดีเป็นส่วนรวมไปด้วย
ประการที่สาม ตรัสสอนให้ขยายผลของความดีและลดบทบาทของความไม่ดีหรือความชั่ว โดยเฉพาะอาจกล่าวได้ว่า นี่คือหลักการปกครองบ้านเมือง นั่นคือต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจ ต้องป้องกันขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ ซึ่งถ้าทำได้ตามที่ตรัสสอน ประเทศไทยย่อมดีกว่านี้แน่
ประการที่สี่ ตรัสสอนให้พสกนิกรของพระองค์เห็นคุณของความเพียร ถึงขั้นทรงลำบากตรากตรำพระวรกาย แต่งบทพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ให้เป็นแบบแผนของชีวิตของคนไทยทุกคน เพราะความเพียรนี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จทั้งหลาย ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสสรรเสริญเป็นอันมาก ในฐานะที่เป็นองค์หนึ่งแห่งอิทธิบาทสี่ และตรัสว่าในบรรดาธรรมทั้งหลาย พระองค์ไม่เห็นธรรมใดจะเป็นใหญ่กว่าความเพียรนั้นเลย
พระเจ้าอยู่หัวตรัสสอนพวกเราไว้ในเรื่องพระมหาชนก ในขณะว่ายน้ำในพระสมุทรอันกว้างใหญ่ว่า แม้ตาเราจะมองไม่เห็นฝั่ง แม้เท้าเราจะหยั่งไม่ถึงพื้นทะเล แต่เราก็จะตั้งความเพียรว่ายไปจนกว่าจะถึงฝั่ง
ผู้ใดก็ตามที่น้อมนำบำเพ็ญความเพียรเยี่ยงนี้แล้ว ย่อมหวังได้ว่าจะไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่จะไม่ประสบความสำเร็จเป็นอันขาด
ประการที่ห้า ตรัสสอนให้คนเรารู้จักพอ และทรงตั้งเป็นทฤษฎีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นทรงเชิดชูพระธรรมบทว่าด้วยสังตุตถิง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงสรรเสริญเป็นหนึ่งในมงคลสูงสุด 38 ประการ
ซึ่งบัดนี้ทั่วทั้งโลกก็ประจักษ์ชัดแล้วว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นคือโอสถวิเศษขนานเอกขนานเดียวของโลกที่สามารถป้องกันเยียวยารักษาพิษร้ายของระบอบทุนนิยมสามานย์ที่กำลังมาถึงจุดสุดท้ายของโลกแล้ว และเป็นทางรอดแต่ทางเดียวของมวลมนุษย์ จึงเป็นเหตุให้สหประชาชาติได้น้อมเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดีแด่พระองค์ท่าน
ในวาระกาลอันล่วงแล้วของพระมหาราชเจ้าพระองค์นี้เราทั้งหลายอย่าปล่อยให้ความโศกเศร้าอาลัยครอบงำใจแต่ถ่ายเดียว พึงน้อมนำสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในธรรมที่ตรัสสอนตลอดรัชสมัย แล้วน้อมนำไปปฏิบัติเป็นสวัสดิวัตรของชีวิตโดยทั่วกันเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี