เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559 นายองอาจ ธรรมนิทา คนที่อ้างตัวเป็นโฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย แถลงการณ์โจมตี ให้ร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ดำเนินการตามกฎหมาย ตามหมายจับของศาลยุติธรรม แล้วยังบังอาจกล่าวถึงสถาบันเบื้องสูงโดยหวังประโยชน์บางประการอย่างไม่บังควรที่สุด
1. ในการแถลงอ้างว่า ทางวัดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ไม่ควรที่จะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น แล้วยังบังอาจอ้างว่า ขอพึ่งพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และยังได้นำพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 10 มาใช้ประกอบการแถลงข่าวด้วย
บังอาจเกินไปแล้ว
ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาล ซุกอยู่หลังวัด หลังผู้หญิง แล้วยังนำพระบรมฉายาลักษณ์มาบังหน้า
2. ในถ้อยแถลงของนายองอาจ มีเนื้อหาสร้างความเข้าใจผิดแก่สาธารณชน และอาจมีผลปลุกปั่นลูกศิษย์วัดพระธรรมกายให้กระด้างกระเดื่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เช่น
อ้างว่า การสอบสวนดำเนินคดีไม่ถูกต้อง การบริจาคเงินเพื่อเยียวยาแก่สหกรณ์คลองจั่นแล้ว สหกรณ์ถอนฟ้องแล้ว ขอบคุณมาแล้ว...
แท้จริง คดีที่สหกรณ์ถอนฟ้องคือคดีแพ่ง แต่ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ คืออาญา ฐานฟอกเงิน รับของโจร โดยที่มีนายธรรมนูญและพวกกว่าร้อยคนเป็นผู้เสียหายตัวจริง มีสิทธิแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการ ยิ่งกว่านั้น การยอมคืนเงินก็เป็นการบ่งบอกในตัวว่าธัมมชโยได้เงินสหกรณ์คลองจั่นไปจากนายศุภชัยจริงๆ การดำเนินคดีอาญาต่อไปจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เทียบกับกรณีโจรปล้นธนาคาร แม้ได้เงินคืนแล้ว คดีอาญาก็ต้องดำเนินต่อไป
อ้างว่า คดีบุกรุกป่า ไม่มีความผิดเลย แต่มีการไปขอออกหมายจับ
พระเทพญาณมหามุนี
แท้จริง กรณีดังกล่าวศาลจังหวัดสีคิ้ว นครราชสีมา พิจารณาแล้วเห็นควรอนุมัติหมายจับ การกล่าวหาเช่นนี้หมิ่นเหม่ละเมิดอำนาจศาลมาก อันที่จริง ถ้ามั่นใจในพยานหลักฐานก็สามารถต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย ในชั้นศาลยุติธรรม ไม่ต้องระดมมวลชน เปลืองกำลังเจ้าหน้าที่ เข้ามามอบตัวคนเดียว เหมือนคนอื่นๆ ในสังคม ก็จบแล้ว
อ้างว่า กสทช. ปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC ทั้งที่เนื้อหามีแต่การสวดมนต์ นั่งสมาธิ สอนธรรมะ
แท้จริง ถ้ามีแต่กิจกรรมเหล่านั้นอย่างเดียว คงไม่มีใครปิดได้ แต่จริงๆ คือ มีการนำเสนอข้อมูลให้ร้ายโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้เข้าใจผิดต่อการบังคับใช้กฎหมาย ระดมคนอ้างว่ามาร่วมกิจกรรมทำบุญ แต่พฤติการณ์จริงที่ผ่านมา มีการตั้งแถว จอดรถ กีดขวางบนถนน ขัดขวางการจับกุม ล่าสุด ถึงขนาดเอาตู้คอนเทนเนอร์มากั้นประตูวัด นี่หรือที่อ้างว่ามาปฏิบัติธรรม?
อ้างว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่จะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ประเทศชาติในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง และจะเป็นบาดแผลความขัดแย้งอย่างลึกซึ้ง ระหว่างสถาบันชาติ กับสถาบันพระพุทธศาสนา อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ความจริง การเข้าตรวจค้นจับกุมพระธัมมชโยจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าไม่มีการขัดขวางเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มีหมายจับของศาล และจะมีหมายค้นจากศาลไปด้วย ถ้านั่งปฏิบัติธรรมกันในห้องสวดมนต์จริงๆ ไม่มาขัดขวางเจ้าหน้าที่ แล้วมันจะเกิดความสูญเสียได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยที่จะทำร้ายใคร เพราะจะไปจับคนคนเดียว ตรงกันข้าม ถ้าเกิดความสูญเสีย เกิดการยิงคนตายในวัด คนที่จะได้ประโยชน์คือใคร? คือคนที่กำลังหลบหนีหมายจับของศาลอาญา ใช่หรือไม่? เจ้าของสถานที่นั่นเองจะต้องรับผิดชอบ ไม่ยอมจัดการให้ผู้ต้องหาตามหมายจับออกมามอบตัว ตามกฎหมายบ้านเมือง
และที่สำคัญ พยายามจะบิดเบือนว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันชาติกับสถาบันพระศาสนา ทั้งๆ ที่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพระสงฆ์รูปอื่นๆ วัดอื่นๆ เลย เป็นเรื่องการหลบหนีหมายจับศาลของพระธัมมชโยคนเดียว
พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติปฏิบัติชอบทั่วประเทศ ไม่มีอะไรต้องเดือดร้อนไปกับการจับกุมพระธัมมชโย
พระธัมมชโยไม่ใช่ศาสดาของพระพุทธศาสนา
ถ้าสึกพรุ่งนี้ หรือต่อให้จากไปเสียพรุ่งนี้ พระพุทธศาสนาก็ยังอยู่ต่อไปได้
3. นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) หลังเข้าเจรจาหลายรอบ เปิดเผย ผลการหารือ สรุปว่า ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ขอหลักประกันในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทาง พศ.จึงระบุชัดว่า ข้อเสนอนั้น ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ พศ. เป็นเรื่องของการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งทางวัดพระธรรมกายสามารถใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกฎหมาย
“เพื่อความสงบเรียบร้อยของศาสนจักรและอาณาจักร ขอให้พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี ใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกฎหมาย จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและพระพุทธศาสนา”
นี่ขนาด พศ. ที่เคยมีท่าทีอุ้มพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด ยามนี้ ยังระบุว่า ให้ตัวธัมมชโยต่อสู้คดีตามกฎหมายเถิด
4. น่าสงสัยว่า ทำไมนายองอาจ ถึงออกหน้าถึงขนาดนี้ ?
เพราะศรัทธาอย่างเดียว? หรือมีผลประโยชน์ส่วนตัวอันใดร่วมอยู่กับเครือข่ายธรรมกาย และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ผู้ต้องหา และผู้ต้องโทษในคดีที่ศาลตัดสินแล้วว่าโกงสหกรณ์คลองจั่น?
นายศุภชัย เคยเป็นไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย ที่ธัมมชโยแต่งตั้ง
นายองอาจไม่รู้จักนายศุภชัยเลยหรือ? เวลาแถลงข่าวไม่เคยกล่าวถึงความสัมพันธ์เหล่านี้เลย
จากการตรวจสอบ ทราบว่า นายองอาจ ธรรมนิทา เคยทำงานในเครือข่ายของบริษัท สหประกันชีวิต จำกัด ที่มีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร เคยเป็นประธานกรรมการ
อย่าลืมว่า บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด เป็นหนึ่งในองค์กร 19 แห่ง ที่ดีเอสไอตรวจสอบ พบว่า นายศุภชัยจ่ายเช็คจำนวน 78 ฉบับ โดยไม่มีมูลหนี้ อาจเข้าข่ายฟอกเงิน ความเสียหายรวม 2,296 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวน
นายองอาจ เกี่ยวข้องอะไรกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร? ปรากฏว่า
เคยถูกเรียกใช้ให้ไปดำเนินรายการที่มีนายศุภชัยไปพูดหลายครั้ง
นายองอาจ เกี่ยวข้องอะไรกับ บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด? เคยเป็นพนักงานระดับไหน? ช่วงไหน?
รายงานการประชุมข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการ ครั้งที่ 6 /2555 วันที่ 12 มีนาคม 2555 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมปทุมทอง สำนักงานสหกรณ์จังหวัดปทุมธานี สะท้อนถึงบทบาทของนายองอาจว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทสหประกันชีวิต ระบุว่า
“4.2.2 การเข้าร่วมกิจกรรมโครงการ “สหประกันชีวิตพบผู้นำสหกรณ์”...
... บริษัทต้องการตัวแทนจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสหกรณ์สามารถเป็นศูนย์ขยายธุรกิจในการประกันได้ จึงมีความเห็นว่า สหกรณ์ในพื้นที่ 1-3 น่าจะมีศูนย์การขยายธุรกิจการประกัน หากมีสหกรณ์ใดสนใจสามารถติดต่อได้ ที่ศูนย์ประสานงานโครงการ ฝ่ายการตลาดประกันชีวิต คุณณัฐพลัฏฐ อนุรักษ์ เจ้าหน้าที่ประสานงานสหกรณ์ประจำพื้นที่ โทร... คุณองอาจ ธรรมนิทา ผู้จัดการฝ่ายตลาดประกันชีวิต โทร 081-8754...” (จริงๆ มีเบอร์โทรครบ)
นายองอาจ ตอบด้วย
ในฐานะที่กำลังเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีที่มีนายศุภชัยร่วมเป็นจำเลยอยู่ในวันนี้... ตกลงว่า เป็น หรือเคยเป็นลูกน้องของนายศุภชัย จำเลย ผู้ต้องหา และผู้ต้องขังคดีโกงสหกรณ์ ด้วยหรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี