ระบบการเกณฑ์ทหารของไทย ยังมีจุดที่ควรปรับปรุงอยู่มาก
ในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การลงบัญชีทหารกองเกิน การตรวจเลือกคนเข้ากองประจำการ ข้อยกเว้นไม่ต้องเป็นทหารเกณฑ์ ปัญหาการทุจริต เรื่อยไปจนถึงการฝึกฝน การสร้างวินัย การอบรมความรู้ และการปลดประจำการ ฯลฯ
แต่ทั้งหมด ไม่ควรเป็นเหตุที่ใครจะอาศัย “ตีกิน”
หรือจะหนีทหาร เพราะตนไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ โดยอ้างว่าระบบที่ใช้บังคับอยู่ไม่ดี
1. ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายไทย กำหนดให้ชายที่มีสัญชาติเป็นไทย มีหน้าที่ต้องเข้ารับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
ลงบัญชีทหารกองเกินไว้ ตรวจเลือกเพื่อเข้ากองประจำการ ที่เห็นการจับใบดำ-ใบแดง
ใครได้ใบแดงก็เข้าเป็นทหารเกณฑ์ ฝึกวิชาทหารตามหลักสูตร
ก่อนจะปลดเป็นทหารกองหนุน
2. ระบบมีข้อยกเว้น ที่วางไว้ให้ทุกคนทราบเหมือนกันตั้งแต่ต้น เช่น
การผ่อนผัน
การเรียน รด.
กรณีพิการ ทุพพลภาพ
กรณีรับราชการ ฯลฯ
ทุกคน ต้องทราบกฎระบบ เงื่อนไขตั้งแต่ต้น
3. ชายหนุ่มจำนวนมาก ยอมสละเวลาช่วง ม.ปลายไปเรียน รด.
ส่วนใหญ่ ก็เพื่อว่าจะไม่ต้องเสียเวลา หรือเสี่ยงเสียเวลา ไปกับการเป็นทหารเกณฑ์หลังเรียนจบปริญญาตรี
คือ ยอมเหนื่อย ยอมเสียเวลาตั้งแต่ตอนเรียน ม.ปลาย
ยอมผมเกรียนตั้งแต่ ม.ปลาย
ต้องไปเรียน รด. ฝึกวิชาทหาร เรียนทุกสัปดาห์ แล้วไปเข้าค่ายฝึกกิน-นอนประจำปี ฯลฯ
เสียโอกาสการทำหลายอย่างในช่วงนั้น เพื่อเข้าหลักเกณฑ์ที่จะไม่ต้องมาเกณฑ์ทหาร เพราะถือว่าผ่านการฝึกวิชาทหารมาแล้ว
ต้องทำตามกติกาที่ทุกคนอยู่ร่วมกัน
4. คนที่ยอมทำตามกติกา มีต้นทุนค่าเสียโอกาส
เพราะถ้าไม่ไปเรียน รด. ก็จะมีเวลาศึกษาเรียนรู้ อ่านหนังสือ จีบสาว ท่องเที่ยว ทำอย่างอื่นๆ
แต่ถ้าใครไม่ยอมไปเรียน รด. ไม่ยอมเสียสละเวลา แต่เลือกใช้เวลาไปทำอย่างอื่น ก็ต้องยอมรับกติกา
แม้ยังมีข้อยกเว้นอีกไม่น้อย เช่น ถ้าไปสอบรับราชการทหาร หรือสุขภาพเข้าข่ายยกเว้นผ่อนผัน ฯลฯ
สุดท้าย ถ้าต้องเข้าสู่การคัดเลือก ก็วัดดวงกันตามระเบียบ
หากจับได้ใบดำก็รอดตัว แต่ถ้าจับได้ใบแดงก็ไปเป็นทหารเกณฑ์
5. ระบบของไทยต่างจากหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้
นักร้องเกาหลีใต้หลายคน ต้องลาแฟนคลับไปเป็นทหาร
ค่าเสียโอกาสมากขนาดไหน ก็ต้องไปเป็นทหาร
เพราะชายหนุ่มเกาหลีใต้ทุกคนต้องเป็นทหาร โดยถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญ
ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังแค่ไหน จะต้องใช้ช่วงหนึ่งของชีวิตไปกับการฝึกฝนในฐานะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อประเทศชาติ
อายุ 18 ปี จะมีหมายส่งไปถึงบ้าน เพื่อให้เข้ารับการตรวจสุขภาพจากกรมทหาร
หากตรวจสุขภาพแล้วได้ประเภทที่ 1 ก็จะต้องไปเป็นทหาร
ไม่ต้องจับใบดำ-ใบแดง
ผ่อนผันได้ไม่เกิน 8 ปี
แต่ถ้าตรวจสุขภาพไม่ผ่าน ก็จะต้องไปรับใช้สังคม ทำงานบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะเป็นเวลา 2 ปี
6. หากใครไม่ชอบระบบการเกณฑ์ทหารตามกฎหมายไทยปัจจุบัน ก็จะต้องใช้กลไกที่มีอยู่ ผลักดันให้เกิดการแก้กฎหมาย อาจจะวิพากษ์วิจารณ์ระบบ ชี้จุดด้อย
แต่มิใช่อ้างว่าตนเองไม่ชอบระบบนี้ ก็เลยหนีทหาร ไม่ยอมดำเนินการตามกฎหมาย เหมือนคนไทยคนอื่นๆ
เช่นเดียวกัน คนที่ไม่เห็นด้วยกับระบบภาษี แต่ก็ยังต้องจ่ายภาษี จะหนีภาษีไม่ได้
คนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎจราจร ก็ต้องทำตามกฎจราจร ฝ่าฝืนย่อมมีโทษตามกฎหมาย เป็นต้น
7. ช่วงนี้ปรากฏข่าว เด็กหนุ่มคนดัง สร้างชื่อขึ้นมาจากการแสดงพฤติกรรมต่อต้านขัดขืนหลายๆ เรื่องในสังคมไทย นั่นคือ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โพสต์เฟซบุ๊ค “Netiwit Ntw” ระบุถึงกรณี การเกณฑ์ทหาร ต่อเนื่อง
หลังปรากฏข่าวว่า ปีนี้ เขาจะต้องเข้าเกณฑ์ทหาร
เขาอ้างว่า ผมประกาศตัวเองว่าเป็น “ผู้ต่อต้านการเกณฑ์ทหารด้วยมโนธรรม”
“...ผมจะไม่สังฆกรรมในการเกณฑ์ทหารใดๆ ผมไม่เห็นด้วยกับการรักชาติในรูปแบบนี้ ทำไมผมไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ทำไมนักร้อง นักแสดง หรือทุกๆ คนไม่อาจจะรักชาติในรูปแบบอื่น ทำไม ชิน ชินวุฒิ ไม่ไปร้องเพลง ทำไมมาริโอ้ต้องอ้างเป็นโรคหอบ ใครเป็นคนกำหนดว่าอย่างไหนคือการ “รักชาติ” เรารักชาติโดยไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องถืออาวุธ ไม่ต้องถูกล้างสมองให้เหมือนกันได้ไหม ประเทศที่เดินตามทางทหารเดียวๆ ทุกวันนี้ การรักชาติทหารนิยามกลุ่มเดียวใช่ไหม นี่ไม่ใช่ประเทศที่ผมต้องการ ผมเห็นแล้วว่า 3 ปีมานี้กับแนวคิดบ้าบออ้างรักชาตินี้ เราสูญเสียโอกาสไปขนาดไหน ผมขอต่อสู้เพื่อสิทธิของผม และสิทธิแห่งอนาคตของประเทศนี้ ผมขอย้ำอีกทีด้วยว่า ผมขอผ่อนผัน ผมกำลังยุ่งวุ่นรับใช้ชาติในแบบของผมอยู่ครับ”
อีกโพสต์ระบุว่า “เกณฑ์ทหารเป็นกฎหมายแล้วไง ทำไมออกมาเป็นกฎหมายแล้วเราจะต้องเชื่อ ต้องหุบปากยอมรับแต่โดยดีเสมอไปเหรอ ถ้างั้นเราก็ไม่ต้องเรียกร้องเรื่องคราฟเบียร์ให้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องเรียกร้องเรื่องอูเบอร์ ไม่ต้องเรียกร้องแก้ไขอะไรทั้งนั้น แต่ทำไมเราไม่ทำเช่นนั้น ทำไมเรายังเรียกร้องก็เพราะมันกระทบกับเรา และเรารู้ว่ามันมีอะไรที่ดีกว่าแบบเดิมน่ะสิ
เรารู้ว่าโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว กฎหมายมนุษย์เขียน มนุษย์เปลี่ยนได้ ถ้ามันคับแคบไป มันรักชาติแบบสมัยสงครามเย็น ตอนนี้เรามีปัญหาอะไรมากขึ้นไม่ใช่ในสนามรบ แต่ในสนามการค้า สนามออนไลน์ สนามเศรษฐกิจเราต้องการคนแก้ปัญหาแบบเจรจา ไม่ใช่ยิงกัน สำหรับผม ตอนนี้เราต้องการรักชาติ แบบศตวรรษที่ 21 ครับ เกณฑ์ทหารแบบบังคับล้าสมัยไปแล้ว”
8. พูดตรงๆ ได้แต่สมเพชวิธีการกล่าวอ้าง และกระทำเช่นนี้
ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์ตั้งแต่ต้น แล้วอ้างอุดมการณ์สารพัด
ไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่คนอื่นๆ ในสังคมยอมรับร่วมกัน เช่น ไปเรียน รด.
พูดง่ายๆ เวลา ม.ปลายก็อยากได้เวลาส่วนตัว ไม่อยากไปเรียน รด. พอถึงวัยเกณฑ์ทหาร ก็ไม่อยากเสียเวลาส่วนตัว ไม่อยากเกณฑ์ทหารเหมือนคนอื่นๆ
ไม่ทราบว่าชายหนุ่มคนอื่นๆ เขาจะคิดอย่างไร
ถ้าใครไม่พอใจระบบภาษี แล้วอ้างว่าทำเพื่ออุดมการณ์ ไม่จ่ายภาษี จะได้หรือไม่?
ไม่พอใจกฎหมายใด จงใจทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วอ้างอุดมการณ์ ได้หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี