l แทบทุกปีมิได้ขาด ยกเว้นช่วงการเดินทางไกลไปแสวงหาแนวทางสู่ประชาธิปไตยหลังปี 2519 ผมจะเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานพระบาทลำปางบ้านเกิด ในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง
เช็งเม้ง : “เช็ง” หรือ “เฉ่ง” หมายถึง สะอาด บริสุทธิ์ และ “เม้ง” หรือ “เบ๋ง” หมายถึง สว่าง รวมแล้วหมายความถึง : ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใส รื่นรมย์
สำหรับในประเทศไทยเทศกาลเช็งเม้งถือวันที่ 5 เมษายน ของทุกปีเป็นหลัก (บางปีจะเป็นวันที่ 4 เช่น เช็งเม้งในปี 2559,2560) แล้วนับวันก่อนถึง 3 วัน และเลยไปอีก 3 วัน รวมเป็น 7 วัน (2-8 เมษายน) แต่ปัจจุบันเนื่องจากมีปัญหาการจราจรคับคั่ง เลยขยายเวลาเทศกาลให้เร็วขึ้นอีก 3 สัปดาห์ (ประมาณ 15 มีนาคม-8 เมษายน)
ประเพณีสำคัญมากที่สุดของชาวไทยเชื้อสายจีนคือ ไหว้บรรพบุรุษที่สุสานฮวงซุ้ย(แต้จิ๋ว) เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยมีอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อที่เน้นเรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ
@ ประเพณีการทำความสะอาดฮวงซุ้ย
ใกล้วันเช็งเม้ง จะมีการทำความสะอาด ตัดต้นไม้ถอนหญ้าที่ขึ้นคลุมฮวงซุ้ย ส่วนใหญ่จะมีมูลนิธิดูแล แต่ก็ต้องมีการจัดการเอง โดยจ้างชาวบ้านมาทำให้เรียบร้อย ดูสะอาดตารื่นรมย์ สุขใจ มีการตั้งเต็นท์สำหรับบางครอบครัวใหญ่ กันแดดที่ร้อนจ้า แล้วก็เป็นโอกาสสนุกสนานของลูกหลานเด็กเล็กที่จะปักธง-โปรยกระดาษสีบนหลุมศพ และนานทีจะมีการนำสีมาเขียนป้ายชื่อที่ซีดจางไปให้ชัดเจนและสวยงามขึ้น ช่วงเวลานี้ในวัยเด็กชอบมากที่สุด คือ การไหว้ครั้งที่สาม เพราะหมายถึงพิธีเสร็จ จะได้กินกัน และตอนจุดประทัดพวง ที่จะมีเสียงดังก้องยาว ต้องเอามืออุดหูสองข้าง
l ตอนเป็นเด็ก ตอนก๋งยายยังอยู่ ทางบ้านไปไหว้ที่สุสานพระบาท เป็นก๋งย่าทางป๋า(ขุนวิชัยวานิชและย่าปุย) เมื่อก๋งเฮว-ยายคำใส เฮวอินปี เสียชีวิต ได้นำมาฝังที่วัดม่อนกระทิง เมื่อป๋าแม่ บุญช่วย บุญจันทร์ เสียชีวิต ได้ทำพิธีเผาที่วัดและนำอัฐิใส่โกศ มาไว้ที่บ้านและให้ลูกๆ ทุกคนเก็บไว้ การไหว้ฮวงซุ้ย ลูกหลานจึงทำ 3 ที่ดังกล่าว จุดธูปไหว้เจ้าที่ 7 ดอก ไหว้บรรพบุรุษ 5 ดอก ทำสามครั้ง
เราต้องตื่นแต่เช้าตรู่ ประมาณ 06.00 น. ที่สุสานพระบาท 08.00 น. ที่วัดม่อนกระทิง และ 10.00 น. ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็นั่งคุยกันระหว่างกินเป็ดไก่หมู ซาลาเปา ฯลฯ ในหมู่พี่น้องและลูกหลาน เป็นการรวมญาติพี่น้อง คุยกันถึงวันเก่าๆ ในสมัยเด็กๆ อย่างมีความสุขยิ่ง
l มาลำปางแต่ละครั้ง บางครั้งร่วมปี เพราะงานการบ้านการเมือง ที่เป็นงานหยุดได้เมื่อหน้ากลบดินแล้วเท่านั้น เพราะสังคมยังไม่เป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำของคนมีอำนาจและคนไม่มี ยังมีวิกฤติปัญหาเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมจะเดินไปดูความเปลี่ยนแปลง ซึ่งบ้านเรือนห้างร้านใหม่ๆ ก็มีไม่มากนัก เป็นความเงียบสงบ มีสุขเสมอ แต่สำหรับชีวิตของผู้คนที่คุ้นเคยและรู้จัก มีการแก่ เจ็บ ตาย ไปกันทีละคนสองคนและหลายคน
1.เป็นเพื่อนสนิทน้องชาย สุขภาพไม่ดีนักหลายโรค ท้ายสุดเป็นมะเร็งตับมา 3 ปี คงจะมีเวลาอีก 2 ปี
2.อีกราย เป็นนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมีชื่อ วัย 89 ความคิดยังดี แต่ผอมติดกระดูก จากอุบัติเหตุ นอนซม
3.ญาติอาวุโส วัย 92 ที่ยังจำดี แต่ขาดคนดูแลใกล้ชิด ก็ไปอยู่บ้านพักคนชรา มีคนดูแล ลูกหลานไปเยี่ยม
4.ที่โชคดีกว่า เป็นเพื่อนอัสสัมชัญลำปาง ดูแลคุกในเมืองลำปางมากว่า 40 ปี เพิ่งจะจากไปไม่กี่วัน
l คนที่อยู่ พี่น้องและเพื่อนในวัยใกล้กันก็เกษียณ รูปร่าง ผอม ลงพุง ศีรษะล้าน สุขภาพก็ทรุดโทรมตามสภาพ ลูกหลานที่ทำงานแล้วและเพิ่งจะจบ ต้องไปสอบเข้าทำงาน ยังดูคึกคักมีพลังในการหารายได้มาใช้ยามชรา หรือบางคนบางรายก็ยังต้องทำงานหนัก เพื่อตัวเองและพ่อแม่ที่เริ่มหมดแรงหากิน ก็ให้ลูกตอบแทนบุญคุณ คนวัยเดียวกันเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ยังทำงานเป็นกุ๊กขายอาหารสืบทอดพ่อแม่หรือค้าขายหน้าร้าน
ที่สวนสาธารณลำปาง ยามเช้าจรดค่ำ มีคนไปออกกำลังกาย หลากกลุ่มหลายก๋วน รำไทเก๊ก เต้นแอโรบิก เดินรอบสนามเป็นกลุ่มบ้าง คนเดียวบ้าง แล้วก็มาต่อด้วยเครื่องออกกำลังกายหลายชนิดที่รวมอยู่บนลานฯ ข้างๆ นอกรั้ว มีอาหารสุขภาพขายเป็นน้ำผลไม้ มะพร้าว สับปะรด ฯลฯ หลังจากออกกำลังกาย บางคนชอบมาตอนเช้า เพราะอากาศสดชื่น ส่วนบางคนที่ไม่ว่างตอนเช้า ก็มาตอนเย็น มีการถกเถียงกันเสมอว่า “ออกกำลังกายตอนเช้าและเย็น เวลาใดจะดีกว่ากัน”
l ปีนี้ คิดถึงชีวิตมากขึ้น คงเพราะสูงอายุ ใช้ชีวิตมากว่าครึ่งค่อน เหลือเวลาอีกไม่นานนักที่ยังจะมาได้ไม่กี่สิบครั้ง แต่ละปีเวลาที่ผ่านไป ด้านหนึ่งได้ให้พลังความเข้มแข็ง เติบโตพัฒนาสำหรับเยาวชนคนหนุ่มสาวที่สืบทอดต่อ อีกด้านหนึ่ง ได้นำความชรา เจ็บไข้ได้ป่วย และสุดท้ายความตายมาเยือน เป็นสองด้านแห่งการสมดุลเกิด-ตาย เวลาที่เหลือ จึงมีคุณค่ามากกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่ไม่เคยคิดถึงการจาก มีแต่สนุกสนาน การไปถึง
คนเราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร การคิดดีทำดี ให้เหลือทิ้งไว้ให้คนยกย่องชื่นชมกล่าวถึงยามจากไป
การคิดดีทำดี มีทั้งสองส่วน คือ สำหรับตัวเราเอง ทำเพื่อส่วนรวม ผู้คนที่ทุกข์ยากและบ้านเมืองอันเป็นที่รัก เป็นการทำสิ่งที่ได้ทำมาไว้และคงค้างอยู่ให้เสร็จ ให้บรรลุถึงเป้าหมายตามอุดมคติ อุดมการณ์ที่เคยมีมา แต่อีกด้านหนึ่ง เป็นการสร้าง “ผู้รับช่วง” ให้เขาเติบโตเป็นคนดีเพื่อสังคม อยู่ได้พึ่งตนเองได้ ไม่เป็นภาระใคร เพราะคนส่วนไม่น้อย ยังต้องดิ้นรนหาความรู้ ทำมาหากินโดยสุจริต เพื่อให้มีพอใช้ในยามแก่ชราเช่นกัน ต้องส่งเสริมสนับสนุน ให้คำปรึกษาแนะนำ ให้ความรู้ประสบการณ์ที่เราได้มาจากการทำงานมาหลายสิบปี เพราะไม่จำเป็นที่คนรุ่นหลังจะต้องเดินตามรอยเท้าพ่อแม่ ใช้เวลาเนินนานกว่าจะมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน หากได้มีข้อสรุปจากประสบการณ์ของพ่อแม่ ลูกหลานอาจจะเดินทางลัด ใช้เวลาสั้นกว่า ไปสู่ความสำเร็จ
แต่ต้องยอมรับว่า “สังคมไทยไม่ง่ายเลย” ถนนหนทางมิใช่ปูด้วยดอกกุหลาบ แต่มีขวากหนามเต็มไปหมด เพราะคนรุ่นก่อน รุ่นพ่อแม่ของพวกเขาบางส่วน ได้ทำลายสิ่งที่ดีงามลงไป เพียงเพื่ออำนาจผลประโยชน์ส่วนตน เวลาที่เหลือตอนนี้จึงน่าจะเป็นภารกิจหน้าที่และความรับผิดชอบที่คนรุ่นเรา ที่ยังทำค้างไว้ให้สำเร็จ
l นี่คือความจริง ที่คนรุ่นปลายศตวรรษที่ 24 และต้นศตวรรษที่ 25 ต้องตระหนัก
ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบต่อลูกหลานเหลนและบ้านเมือง ที่จะต้องทำก่อนลาจากไปชั่วนิจนิรันดร์ แน่นอน สิ่งที่หลายคนทำ คือ “การใช้ชีวิตในยามเกษียณยามชราก่อนจาก : หาความสุขสนุกใส่ตัว” ก็ทำไปเถอะ เพราะคนรุ่นเราเหน็ดเหนื่อยมามาก ควรจะได้รับผลตอบแทนด้วยความสุขกายสุขใจ แต่ก็ควรแบ่งเวลาให้ชีวิตที่เหลือ “ให้กับลูกหลานและบ้านเมืองบ้างก็จะดีน่ะ” เพราะบรรพบุรุษของเราได้ทำหน้าที่สร้างบ้านแปงเมือง สร้างฐานะมาตลอดชีวิตของเขา เพื่อให้เรามีวันนี้
เราเป็นลูกที่ดีมีความรักความกตัญญูต่อบรรพบุรุษและบ้านเมือง จะตอบแทนบุญคุณได้อย่างไร การสร้างลูกหลานให้เป็นคนดี คิดดีทำดีด้วยความรู้สติปัญญา และการกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤติ นี่เป็นหน้าที่ของคนดี เป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของพ่อแม่ ตัวเองและลูกหลาน ที่จะช่วยกันทำไว้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี