หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ปรีชา'ทัศน์

ปรีชา'ทัศน์

วันเสาร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560, 02.00 น.

‘๒๔ มิถุนา’และ‘หลักหมุดคณะราษฎร’ ความสูญเสียนั้นประจักษ์แล้ว แต่ความสูญสิ้นนั้นไม่ประจักษ์

(หลักหมุดคณะราษฎรได้ฝังอยู่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าเบื้องซ้ายของพระบรมรูป หน้าประตูสนามเสือป่า เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน แต่ขณะนี้ได้หายไปแล้ว)

........................................................

ในบทความของรัฐบุรุษอาวุโส นายปรีดี พนมยงค์“บางเรื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งคณะราษฎรและระบอบประชาธิปไตย”ได้เล่าถึงบ่อเกิดของระบอบประชาธิปไตยในวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕

มีข้อเท็จจริงที่เป็นประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งว่า

“๑.การประชุมเป็นทางการครั้งแรกของคณะราษฎรมีขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.๑๙๒๗ (พ.ศ.๒๔๗๐) ที่หอพัก
แห่งหนึ่ง ณ “Rue du Sommerqrd” ซึ่งเราเช่าห้องใหญ่ไว้เฉพาะการประชุมนั้น ผู้ร่วมประชุมมี ๗ คน คือ

(๑) ร.ท.ประยูร ภมรมนตรี นายทหารกองหนุนซึ่งเคยเป็นผู้บังคับหมวดทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์รัชกาลที่ ๖

(๒) ร.ท.แปลก ขิตะสังคะ สำเร็จวิชาจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสยามแล้วมาศึกษาที่โรงเรียนนายทหาร
ปืนใหญ่ฝรั่งเศส

(๓) ร.ต.ทัศนัย มิตรภักดี นายทหารกองหนุนเคยเป็นผู้บังคับหมวดกรมการทหารม้าที่ ๕ นครราชสีมา แล้วมาศึกษาที่โรงเรียนนายทหารม้าฝรั่งเศส

(๔) นายตั้ว ลพานุกรม นักศึกษาวิทยาศาสตร์ในสวิตเซอร์แลนด์ เคยเป็นจ่านายสิบในกองทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑

(๕) หลวงสิริราชไมตรี นามเดิมจรูญ สิงหเสนี ผู้ช่วยสถานทูตสยามประจำกรุงปารีส เคยเป็นนักเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และเป็นนายสิบตรีในกองทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑

(๖) นายแนบ พหลโยธิน เนติบัณฑิตอังกฤษ

(๗) ข้าพเจ้า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ข้าพเจ้าเป็นประธานและเป็นหัวหน้าคณะราษฎรจนกว่าจะมีบุคคลที่เหมาะสมเป็นหัวหน้าคณะราษฎรในกาลต่อไป”

การอภิวัฒน์ระบอบประชาธิปไตยเริ่มเวลาย่ำรุ่งของวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ตรงกับวันศุกร์ แรม ๖ ค่ำเดือน ๗ ปีวอก จุลศักราช ๑๒๙๔ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๗ ในราชวงศ์จักรี มีบุคคลคณะหนึ่งประกอบด้วยข้าราชการฝ่ายทหารบก ทหารเรือ พลเรือน และราษฎร ซึ่งใช้นามว่า “คณะราษฎร” ได้ร่วมทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีรัฐธรรมนูญใช้เป็นหลักในการปกครองประเทศ สายทหารบก มี นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าสายทหารบก สายทหารเรือ นายนาวาตรี หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน ) หัวหน้าสายทหารเรือสายพลเรือน อำมาตย์ตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดีพนมยงค์) หัวหน้าสายพลเรือน เวลาเช้ามืดวันที่ ๒๔ มิถุนายน เวลา ๖ นาฬิกา ตรงตามที่นัดหมาย นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้แสดงตนต่อหน้าแถวทหาร และได้อ่านประกาศคำแถลงการณ์ของคณะราษฎรฉบับแรก

ต่อมา ปรีดี พนมยงค์ ได้ให้สัมภาษณ์ เอเชียวีค เมื่อ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๓ ณ บ้านเลขที่ ๑๗๓ Aristide Brian ที่ชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีความตอนหนึ่ง ว่า

...In 1925 whenwebegan to organize the nucleus of a revolutionary party in Paris I wasonly 25 yearsold. Very young. Too young. Inexperienced. AlthoughI obtained my degree. I had top marks, but there is nothing more theoretical (than comparative law). I had no experience. Without experience I applied theory sometimes dogmatically, I did not take into account the realities in our county. I did not make enough contact with the people. All my knowledge was book knowledge. I did not take into account human elements as much as I should have. In 1932 I was 32 years old. We had a revolution but I was inexperienced. When I had power I had no experience and when I had more experience I had no power.

ส่วน เพลง ๒๔ มิถุนา ได้แต่งขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๘๓ โดยนายมนตรี ตราโมท เพื่อใช้เป็น “เพลงวันชาติ” มีเนื้อร้อง ดังนี้

“๒๔ มิถุนายนมหาศรีสวัสดิ์ ปฐมฤกษ์ของรัฐธรรมนูญของไทย

เริ่มระบอบอารยะประชาธิปไตย ทั่วราษฎรไทยได้สิทธิเสรี

สำราญ สำเริง รื่นเริงเต็มที่ เพราะชาติเรามีเอกราชสมบูรณ์

ไทยจะคงเป็นไทย ด้วยร่วมใจเทิดไทย ชโย

ชาติประเทศเหมือนชีวา ราษฎร์ประชาเหมือนร่างกาย

ถ้าแม้ชีวิตมลาย ร่างกายก็เป็นปฏิกูล

พวกเราต้องร่วมรักพิทักษ์ไทยไพบูลย์ อีกรัฐธรรมนูญคู่ประเทศไทย

เสียกายเสียชนม์ยอมทนเสียได้ เสียชาติประเทศไทย อย่ายอมให้เสียเลย

ไทยจะคงเป็นไทย ด้วยร่วมใจเทิดไทย ชโย

ไทยจะคงเป็นไทย ด้วยร่วมใจเทิดไทยชโย”

วันชาติ ๒๔ มิถุนายน ได้ถูกยกเลิกไป พร้อมกับเพลง ๒๔ มิถุนา โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๐๓ ยกเลิกเป็นวันชาติเสีย และให้ถือวันพระราชสมภพเป็นวันเฉลิมฉลอง
ของชาติไทยชาติไทยต่อไป

แต่คณะราษฎรผู้อภิวัฒน์ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ ก็ดีหลักหมุดคณะราษฎร ที่หายไปแล้วก็ดี วันชาติและเพลงชาติเดิม ๒๔ มิถุนา แม้จะถูกยกเลิกไปแล้วก็ตาม แต่เราไม่อาจยกเลิก“ความจริงที่เป็นประวัติศาสตร์” ได้

ดังสัจธรรมที่ว่า “ความสูญเสียนั้นประจักษ์แล้ว แต่ความสูญสิ้นไม่ประจักษ์” เพราะได้ทิ้งรอยแห่งคุณงามความดี ทั้งส่วนที่เป็น “อัตตสมบัติ” และ “ปรหิตปฏิบัติ” ยังมีอยู่เป็นอาภรณ์ประดับระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สูญสิ้นอย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต

(อดีตประธานมูลนิธิ ปรีดี พนมยงค์)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี