ประเด็นเรื่องผู้บริหารระดับสูง (ผู้ชาย) ของสำนักข่าวบางแห่งมีพฤติกรรมจงใจลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศกับพนักงาน (ผู้หญิง) ในสังกัด กำลังกลายเป็นเรื่องที่สาธารณชนสนใจวิพากษ์วิจารณ์และติดตามความคืบหน้าของข่าวอยู่ในระยะนี้
กรณีข่าวด้านลบที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สาธารณชนตั้งคำถามกับวงวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทยว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริง วงการวิชาชีพสื่อ จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับผู้ก่อเรื่องนี้ด้วยมาตรการอะไร แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีการตั้งประเด็นโต้แย้งว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาซึ่งตกเป็นข่าวรายนี้ถูกแผนการร้ายของผู้ที่ผูกใจเจ็บเล่นงานเพื่อลดความน่าเชื่อถือในการรายงานข่าว เนื่องจากถูกสำนักข่าวดังกล่าวแฉโพยเรื่องราวทุจริตอย่างถึงแก่น ใช่หรือไม่
เรื่องนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เมื่อผู้สื่อข่าวภาคสนามจำนวนหนึ่งร่วมกันลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก แล้วส่งจดหมายไปที่องค์กรวิชาชีพสื่อสารมวลชนของไทย โดยเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระที่มีความเป็นกลางโดยเที่ยงแท้และมีความน่าเชื่อถือในหมู่สาธารณชนขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดโดยเร็ว
ประเด็นที่สาธารณชนตั้งคำถามต่อเรื่องนี้คือ เรื่องนี้มีมูลความจริงหรือไม่ แต่ก็มีผู้โต้แย้งว่า ถ้าหากไม่มีมูลแล้ว เหตุไฉนผู้สื่อข่าวภาคสนามจำนวนหนึ่งจึงร่วมกันลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว ประเด็นต่อมาคือ มีคำถามว่า สมาคมวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนไทยทุกสังกัดจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกรณีนี้อย่างไร จะนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเอง หรือจะพยายามทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏโดยกระจ่างต่อสาธารณชนโดยพลัน เพื่อมิให้สาธารณชนตั้งคำถามเชิงลบ และมองบุคคลในแวดวงวิชาชีพสื่อ ด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ ไร้ความน่าเชื่อถือ
เนื้อหาบางตอนในจดหมายเปิดผนึกระบุว่า “สืบเนื่องจากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้บริหารองค์กรข่าวแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศลูกจ้างสาว โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่บังคับขู่เข็ญ จนทำให้ลูกจ้างรายนั้นต้องลาออกจากองค์กร เพราะไม่สามารถทนกับพฤติกรรมของผู้บริหารคนนั้นได้…”
เรื่องที่กลายเป็นข่าวนี้ “มีบางคนอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ค้นหาความจริงได้ยาก” คำอ้างดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นโดยนัยว่า มีความพยายามจะทำให้ข่าวนี้เงียบหายไป ใช่หรือไม่ การอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวคือคำอ้างที่ถือได้ว่าปัดความรับผิดชอบอย่างที่สุด
ขอเรียกร้องให้คนในสังคมไทยโปรดอย่าลืมว่าการจงใจคุกคามทางเพศระหว่างหัวหน้างานกับลูกน้องใต้อำนาจบังคับบัญชาถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และผิดหลักศีลธรรม ขอยืนยันว่ากรณีไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการรีบอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจึงเป็นการอ้างที่ไร้ความรับผิดชอบ และอ้างแบบคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง สังคมไทยต้องตระหนักว่าผู้อยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของหัวหน้างานที่ไร้ศีลธรรมก็คือเหยื่อของอธรรมนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ขอให้สังคมไทยร่วมกันกดดันและเรียกร้องให้วงการวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทยเร่งทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏโดยเร็ว จงอย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปกับสายลม และอย่าเชื่อคำอ้างว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี