กรมอุตุนิยมวิทยา ถูกวิจารณ์มาเสมอ เมื่อผู้คนได้รับความเดือดร้อนจากฝนฟ้าอากาศ
บ้างก็ว่าพยากรณ์ไม่แม่น
บ้างก็ว่าแม่น แต่คนไม่ใส่ใจติดตามเอง
บ้างก็ว่าการพยากรณ์ก็ได้แค่นี้แหละ
บ้างก็ว่าขาดเครื่องมือ
บ้างก็ว่าฝีมือไม่ถึง ฯลฯ
1. ปรากฏข้อเขียนในบล็อก JIMMY’S BLOG เรื่อง “ทำไมกรมอุตุฯถึงทายฝนไม่แม่น” เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2560 โดย VOP ให้ความเห็นชวนคิดว่า
“เป็นที่รู้กันจนเป็นเรื่องล้อเล่นว่า หากวันไหนกรมอุตุฯบอกว่าฝนไม่ตก ก็ให้พกร่มออกจากบ้านไปเลย เพราะตกแน่ๆ
ไม่ใช่กรมอุตุฯไทยไม่เก่ง และก็ไม่ใช่ฝรั่งญี่ปุ่นเก่งกว่าเรา
หากท่านเคยทดสอบและจดบันทึกเก็บผลระยะยาวๆ จะพบว่าแอพฝรั่งไม่ว่าตัวไหนค่ายไหน ก็ทายฝนตกในไทยไม่แม่นเหมือนๆกัน
สาเหตุหลักๆ จึงไม่ได้มาจากเครื่องมือเครื่องไม้ หรือโปรแกรม หรือการมีดาวเทียมเป็นของตัวเอง หรือความรู้ (พวกนี้คือเรื่องรองลงไป) เพราะฝรั่งมีของพวกนี้ครบก็ยังไม่มีปัญญาทายฝนในไทยให้เป๊ะเหมือนทายฝนในบ้านตัวเอง
ใช่แล้ว สาเหตุหลักๆ คือสถานที่ตั้ง
ประเทศไทยเป็นประเทศในเขตร้อน ไม่ใช่เขตอบอุ่นแบบอเมริกา ญี่ปุ่น ฯลฯ
โดยทั่วไปฝนในเขตร้อนมักจะเกิดจากการลอยตัวของอากาศร้อนชื้นซึ่งทำให้เกิดเมฆก้อน และมีฝนตกเป็นบริเวณที่ไม่ต่อเนื่องกัน มีการเริ่มต้นและสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว มีรูปแบบและการเคลื่อนตัวที่ไม่แน่นอน การพยากรณ์ พื้นที่และเวลาที่เกิดฝนจึงเป็นเรื่องยากมาก อย่าว่าแต่ WRF โมเดลของกรมอุตุฯที่ออกล่วงหน้ามาเป็นวัน เอาแค่เรดาร์ กทม.ที่อัพเดทกันทุกๆ 15 นาที เมฆฝนมีทิศทางพุ่งจากนครปฐมเข้ามาหากรุงเทพฯแท้ๆ อีกนิดเดียวจะเข้าเขต กทม. อยู่ดีๆ ก็แยกเป็นสองสาย เลี้ยวขึ้นไปนนท์หนึ่ง เลี้ยวลงไปสมุทรสาครหนึ่ง ก็มีมาแล้ว กลายเป็นวันนั้นกรุงเทพฯไม่มีฝนแม้แต่มิลลิเมตรเดียว
หรือไม่บางครั้งไม่เห็นเมฆฝนก้อนไหนเคลื่อนมาทางกรุงเทพฯเลย อยู่ดีๆ ก็มีเมฆ cb ก็ก่อตัวขึ้นกลางเขตใดเขตหนึ่งเฉยๆ โดยไม่มีที่มาที่ไปซะงั้น และก่อให้มีฝนตกหนักจนท่วมก็มีมาแล้ว
ส่วนฝนญี่ปุ่น ฝนฝรั่ง ในเขตอบอุ่น เค้าเกิดจากระบบลมฟ้าอากาศขนาดใหญ่ เป็นแนวปะทะอากาศ (บริเวณที่มวลอากาศที่มีคุณสมบัติต่างกันมาพบกัน) ไม่ใช่ระบบลมฟ้าอากาศขนาดเล็กแบบบ้านเรา การพยากรณ์ฝนในเขตอบอุ่นจึงมีความแน่นอนกว่าเราค่อนข้างมาก แม่นถึงขีดเส้นบอกสถานที่และเวลาล่วงหน้าออก TV ได้เลยด้วยซ้ำ
บ้านเรายังอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 มหาสมุทร 1 อ่าวแขวนอยู่ใต้แผ่นดินใหญ่โดยมีระบบลมค้าที่เส้นศูนย์สูตรพัดอยู่ด้านล่าง ทำให้ระบบอากาศเราสลลับซับซ้อนมาก แม้เทียบกับประเทศอื่นในเขตร้อนด้วยกัน ประเทศเราก็ยังพยากรณ์อากาศให้แม่นได้ยากกว่า
อย่าว่าแต่ฝน เอาแค่พยากรณ์ว่าหน้าหนาวปีนี้จะหนาวนานไหม เริ่มหนาวเมื่อไร ก็ยังหาคำตอบแน่นอนไม่ได้ นักวิชาการหลายคนในไทยตกม้าตายมาเยอะแล้ว
เรื่องมันเป็นเช่นนี้แล
เรียบเรียงโดย @MrVop”
2. ก่อนหน้านี้ สตง. มีรายงานการตรวจสอบการดำเนินงานการพัฒนาและบำรุงรักษาเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ชี้ให้เห็นความบกพร่องในแง่การบริหารจัดการเครื่องมือ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญ การลงทุนเกี่ยวกับงานด้านนี้ของประเทศไทย บางตอนระบุว่า
ผลการตรวจสอบ มี 2 ประเด็นข้อตรวจพบ
ข้อตรวจพบที่ 1 เครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศในภารกิจหลักสำคัญของกรมอุตุนิยมวิทยาจำนวนมากเกิดการชำรุดเสียหาย โดยมีจุดอ่อนอย่างมากเกี่ยวกับระบบการซ่อมแซม ดูแล บำรุงรักษาเครื่องมืออุปกรณ์
การลงทุนสำหรับเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศเพื่อใช้ในภารกิจของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 – 2559 เป็นจำนวนเงิน 2,414.64 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.65 ของเงินงบประมาณทั้งหมด
ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเครื่องมือตรวจวัดทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าสูง มีระบบการทำงานซับซ้อน และมีการเปิดใช้งานตลอดเวลา ทั้งนี้ งบประมาณในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศ เฉลี่ยปีละประมาณ 131.15 ล้านบาท
ข้อตรวจพบที่ 2 การบริหารการใช้ประโยชน์เครื่องมือตรวจวัดบางรายการที่อาจเกิดความไม่คุ้มค่า และเครื่องมือตรวจวัดบางรายการไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์
จากการสุ่มตรวจสอบรายการเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศเครื่องมือตรวจวัดบางรายการไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าในภารกิจของกรมอุตุนิยมวิทยา ประกอบกับเครื่องมือมีการติดตั้งและใช้งานมานานโดยต้องอาศัยบุคลากรในการตรวจวัดจัดเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกวัน หรือเป็นแบบ Manual ในขณะที่ปัจจุบันได้มีการติดตั้งเครื่องมือที่ทันสมัยแบบอัตโนมัติที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างเป็นปัจจุบันมากกว่า หรือสถานีตรวจวัดอากาศบางสถานีไม่สามารถใช้งานเครื่องมือตรวจวัดที่เป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งสถานีได้ เช่น
สถานีอุตุนิยมวิทยาอุทก หรือสถานีอุตุนิยมวิทยาเกษตร เป็นต้น รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 7.18 ล้านบาท ทั้งนี้ ไม่รวมถึงรายการเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เนื่องจากเหตุชำรุดเสียหายและรอการซ่อมแซมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการนี้ สตง.ได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา มีข้อเสนอแนะให้อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา พิจารณาดำเนินการดังนี้
1. ให้มีการสำรวจ ประเมินผลการใช้ประโยชน์ หรือสถานะการใช้งาน ณ ปัจจุบัน ของเครื่องมือตรวจวัดและพยากรณ์อากาศทุกประเภทที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักในส่วนกลาง ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาค และสถานีอุตุนิยมวิทยาทุกแห่ง เพื่อทราบถึงรายการ จำนวน การใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ สภาพความพร้อมของเครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อวางแผนการบริหารจัดการด้านเครื่องมืออุปกรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาให้เป็นไปในทิศทางที่จะเกิดประโยชน์ในภารกิจของหน่วยงานอย่างคุ้มค่า เหมาะสม รวมถึงกรณีเครื่องมือที่ชำรุดเสื่อมสภาพที่อาจต้องมีการจำหน่ายต่อไป
2. ให้พิจารณาทบทวนความจำเป็นของเครื่องมือตรวจวัดทั้งสถานีฝนอำเภอ เครื่องมือตรวจวัดของสถานีอุตุนิยมวิทยาเกษตร และสถานีอุตุนิยมวิทยาอุทก เพื่อทราบว่ามีความสอดคล้องเหมาะสมของการดำเนินงานสามารถตอบสนองภารกิจของหน่วยงานได้เพียงใด เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของแต่ละสถานีเพียงใด หรือยังมีความจำเป็นต่อการใช้งานต่อไปหรือไม่ในขณะที่มีเครื่องมือรายการอื่นที่อาจมีความทันสมัย และสามารถใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เพื่อกำหนดแนวทางและวางแผนการบริหารจัดการเครื่องมือตรวจวัดของแต่ละสถานีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสม ไม่เป็นภาระด้านบุคลากร ตลอดจนการดูแล บำรุงรักษา และเพื่อสามารถใช้ในการปฏิบัติงานในภารกิจของกรมอุตุนิยมวิทยาได้อย่างคุ้มค่าต่อไป
นี่คือภาพสะท้อนส่วนหนึ่งของปัญหา
ท่านผู้อ่านคิดว่า กรมอุตุฯ บ้านเรา แม่นหรือไม่แม่น? เพราะเหตุใด? ควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี