บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ
กระทรวงการคลังถือหุ้น 51%
เคยเป็นรัฐวิสาหกิจเกรดเอ นำส่งรายได้แก่แผ่นดินอันดับต้นๆ
ล่าสุด ประกาศผลประกอบการประจำปี 2560 พบว่า กลับมาขาดทุนอีกสองพันล้านบาท!
ตรวจสอบรายละเอียดผลการดำเนินการที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด สำหรับปีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2560 พบข้อมูล และข้อสังเกตที่น่าสนใจ ดังนี้
1. ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2560 ขยายตัวดี
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2560 ปรับตัวดี
ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินของโลก ปี 2560 เติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจโลก
ภาพรวมอุตสาหกรรมการบินของไทย เติบโตต่อเนื่อง
ทั้งหมด คือ ถูกยืนยันสรุปในรายงานของการบินไทยเอง
แต่ผลประกอบการของการบินไทยกลับขาดทุนกว่าสองพันล้านบาท!
2. บริษัทการบินไทย และบริษัทย่อย มีรายได้รวมประจำปี 2560 อยู่ที่191,946 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 11,389 ล้านบาท (6.3%)
เพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกิน รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ และรายได้จากการบริการอื่นๆ
แต่มีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 189,090 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 12,604 ล้านบาท (7.1%)
จะเห็นว่า ค่าใช้จ่ายก้าวในอัตราเติบโตสูงกว่ารายได้
ในรายงานอธิบายว่า เป็นผลจากค่าน้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น 4,879 ล้านบาท(10.8%) จากราคาน้ำมันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.2% ประกอบกับปริมาณการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิต ถึงแม้ว่าจะมีการบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมันได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนก็ตาม
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมน้ำมัน สูงขึ้น 8,313 ล้านบาท (6.6%) สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมแซมและซ่อมบำรุงอากาศยานเพิ่มขึ้น
ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินสุทธิ ลดลง 588 ล้านบาท (11.5%) จากการบริหารเงินสดและการปรับโครงสร้างทางการเงินต่อเนื่องจากปีก่อน
ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 2,856 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว รวมถึงการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน ประกอบด้วยรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,191 ล้านบาท,ประมาณการค่าซ่อมแซมเพื่อเตรียมสภาพเครื่องบินเช่าดำเนินงานก่อนการส่งมอบคืน จำนวน 550 ล้านบาท, ผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงส่วนได้เสียในเงินลงทุน ซึ่งเกิดจากการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท สายการบินนกแอร์ฯ จำนวน 429 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 1,581 ล้านบาท
ทำให้บริษัทการบินไทยฯ และบริษัทย่อย ขาดทุนสุทธิ 2,072 ล้านบาท
โดยเป็นขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทการบินไทยเอง 2,107 ล้านบาท
3. เจาะลึกลงไปเฉพาะเครื่องบินมหากาพย์ ที่จอดเติมผลขาดทุนให้การบินไทยไปทุกวัน
รายงานระบุว่า ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,191 ล้านบาท
ลดลง 437 ล้านบาท (12%)
ประกอบด้วย
(1) ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องบิน จำนวน 2,721 ล้านบาท
ลดลง 497 ล้านบาท
โดยในปีนี้ ตั้งด้อยค่าเครื่องบินรวม 16 ลำ ประกอบด้วย A340-600 6 ลำ, A340-500 3 ลำ,B747-400 2 ลำ, B747-400 (Freighter) 2 ลำ, B737-400 1 ลำ และ A330-300 2 ลำ รวม 2,514 ล้านบาท
และตั้งสำรองด้อยค่าของเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน A340-600 และ A340-500 จำนวน 5 เครื่องยนต์ รวม 207 ล้านบาท
(2) ผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท เนื่องจากมีการสำรองด้อยค่าอะไหล่เครื่องบินหมุนเวียนที่เสียหายและไม่สามารถซ่อมแซมได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
4. จะเห็นได้ชัดเจนว่า ไส้เน่าๆ ของการขาดทุนมาจากไหน?
มาจากเครื่องบินปลดระวาง ที่จอดรอขาย
ปัจจุบัน จอดไว้ให้ดูต่างหน้าที่สนามบินอู่ตะเภา
รอซ้ำซาก
รอเลื่อนลอย
ต้องตั้งด้อยค่าไปเรื่อยๆ
ยิ่งจอด ยิ่งเสื่อม ยิ่งขายลำบาก
รอโดยที่ไม่พบการตรวจสอบ เช็คบิล เรียกค่าเสียหายคืนกลับมา
จากใคร นักการเมืองคนไหน
ตัวหลักใหญ่ คือ เครื่องบินแบบแอร์บัส A340-600 A340-500
ย้อนกลับในสมัยรัฐบาลทักษิณ มีการผลักดันให้จัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 เพื่อมาบินตรงเส้นทางข้ามทวีปไปสหรัฐอเมริกา ทั้งหมด 14 ลำ วงเงินลงทุนรวม 96,355 ล้านบาท
ช่วงนั้น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นรัฐมนตรีคมนาคม
ฝ่ายการเมืองและฝ่ายบริหาร ผลักดันเส้นทางบินตรงนิวยอร์ก เปิดเที่ยวบินแรก 1 พฤษภาคม 2548 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นขาดทุน แม้จะมีเสียงทักท้วงจากพนักงาน
เครื่องบินเหล่านั้น 4 เครื่องยนต์ มีเพียง 215 ที่นั่ง บินแบบนอนสต็อป การศึกษาพบว่า แม้การบินไทยจะขายตั๋วได้ 79% จากจำนวนที่นั่งโดยสารทั้งหมด ก็ยังขาดทุน!!!
ไปซื้อมาได้อย่างไร? วางแผนอย่างไร? มีนอก-มีในหรือไม่? ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ?
ผลลัพธ์กลายเป็นว่า ซื้อเครื่องบินมาเจ๊ง
เจ๊งทั้งเส้นทางบิน เจ๊งทั้งการบินไทย
ผลขาดทุนรวมเบ็ดเสร็จจากฝูงบินนี้ หากรวมผลขาดทุนจากการบินด้วย น่าจะแตะแสนล้านบาท
ผลปรากฏประจานขนาดนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม บอร์ดการบินไทย สตง. ศอตช. ตลอดจน ป.ป.ช. เข้าไปตรวจสอบและจัดการอย่างเด็ดขาดได้หรือยัง?
กระบวนการจัดซื้อถูกต้องหรือไม่? รอบคอบรัดกุมเพียงใด? มีการทุจริตหรือไม่? ตัดสินใจบนพื้นฐานผลประโยชน์สูงสุดของใคร? มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่?
นี่ไม่ใช่แค่หลักล้าน-สิบล้าน-ร้อยล้าน-พันล้าน
แต่เป็นผลได้เสียของประเทศชาติรวมหลักแสนล้านบาท!
ถ้ายังนิ่งเฉย ไม่ปรากฏผลดำเนินการอย่างจริงจัง ก็เป็นอันสิ้นหวัง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี