บ่อยครั้งเวลาเกิดอุบัติเหตุบนท้องถิ่น หรือที่อื่นๆบรรดาหน่วยกู้ภัยจะไม่ถึงพื้นที่ก่อนเสมอเพื่อช่วยชีวิตผู้เคราะห์ร้าย ที่เห็นกันบ่อยๆ คือ ปฐมพยาบาล ปั๊มหัวใจ ห้ามเลือด แล้วนำส่งโรงพยาบาล หรือถ้าหน่วยกู้ภัยยังไปไม่ถึงผู้ที่มีจิตอาสาในบริเวณนั้นก็จะช่วยๆ กันปฐมพยาบาลเพื่อกู้ชีพจะผิดบ้างถูกบ้างก็ดีกว่ายืนดูเฉยๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.ราชวิถี สมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)จัดการอบรมหลักสูตรการกู้ชีพองค์รวม หรือ CLS โดยมี ศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม และมีอาสาสมัครและประชาชนทั่วไปกว่า 40 คน เข้าร่วมการอบรม
ศ.นพ.สันต์ กล่าวว่า ในการอบรมครั้งนี้ทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯได้จัดทำคู่มือ “กู้ชีพองค์รวม (CLS) สำหรับอาสาสมัครและประชาชนทั่วไป” ขึ้นมา ซึ่งได้ใช้เวลาในการเก็บรวบรวมองค์ความรู้ด้านการกู้ชีพฉุกเฉินมานานกว่า 10 ปีโดยพัฒนาขึ้นมาใช้กับแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ก่อนที่จะพัฒนามาทำในระดับอาสาสมัครและประชาชนเพื่อให้ผู้ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ที่สุดสามารถช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในภาวะคุกคามชีวิตให้รอดพ้นภาวะวิกฤติได้ ก่อนที่หน่วยกู้ชีพจะเดินทางไปถึงและดูแลรักษาต่อ
การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในภาวะคุกคามชีวิตนั้น หากมีความล่าช้าหรือให้การดูแลรักษา ที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตหรือพิการโดยไม่สมควร ในทางตรงกันข้าม หากผู้ช่วยเหลือที่อยู่ใกล้เคียง สามารถตรวจพบภาวะฉุกเฉินที่คุกคามต่อชีวิตได้รวดเร็ว และสามารถดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมตามระดับความสามารถ และมีวิธีการช่วยเหลือที่ต่อเนื่องไปจนกระทั่งผู้ป่วยฉุกเฉินนั้นได้รับการดูแลรักษาพยาบาลที่เหมาะสม จะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการได้สูง
ศ.นพ.สันต์ กล่าวว่า คู่มือ “การกู้ชีพองค์รวมสำหรับอาสาสมัครและประชาชนทั่วไป” เป็นชุดความรู้และปฏิบัติการให้ความรู้และความสามารถตรวจพบ การวิเคราะห์ และการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างชัดเจน ด้วยเพียง 5 ขั้นตอน มีวิธีปฏิบัติที่ประชาชนทั่วไปสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมายเพื่อช่วยชีวิต และมีรูปภาพประกอบที่เข้าใจได้ง่าย
“จากการอบรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากอาสาสมัครและประชาชนว่า มีความสามารถและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นว่า สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินได้อย่างถูกต้อง และควรจัดให้มีการอบรมในลักษณะนี้เพื่อขยายผลไปสู่อาสาสมัครและประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งการช่วยเหลือเบื้องต้นจะเป็นการเชื่อมต่อให้ลูกโซ่ของกระบวนการช่วยชีวิตเชื่อมต่อกัน ในทางตรงกันข้ามเมื่อตรวจไม่พบภาวะฉุกเฉินคุกคามต่อชีวิตก็สามารถให้การช่วยเหลือตามแนวทาง “การปฐมพยาบาล” ได้ตามปกติ” ศ.นพ.สันต์ กล่าว
ด้าน นพ.สมชาย กาญจนสุต อุปนายกสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การอบรมและจัดทำคู่มือดังกล่าวขึ้นมา ทางสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉินฯมีเป้าหมายที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะคุกคามชีวิตเป็นหลัก โดยปกติแล้วคนธรรมดาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้ป่วยแบบใดที่อยู่ในภาวะคุกคามต่อชีวิต หากอาสาสมัครหรือประชาชนสามารถปฏิบัติได้ตาม 5 ขั้นตอน ตามคู่มือได้ จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและลดอัตราพิการลงได้เป็นอันมาก และเป็นการช่วยต่อเติมส่วนที่ขาดในระบบการกู้ชีพฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คู่มือกู้ชีพองค์รวมนี้ถือเป็นคู่มือเล่มแรกของไทยที่มีการจัดวิธีการช่วยเหลือตั้งแต่ การตรวจหา การพิจารณา การปฏิบัติ และการส่งต่อ เป็นการดึงเอาศักยภาพของอาสาสมัครและประชาชนเข้ามาเสริมต่อในระบบการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยในภาวะคุกคามชีวิต ได้ทันการและมีประสิทธิภาพ
แต่เดิมมา เรามีวิธีปฐมพยาบาลซึ่งไม่ได้ช่วยให้ผู้ช่วยเหลือแยกแยะภาวะคุกคามชีวิตออกมาช่วยก่อนอาจทำให้ผู้ช่วยเหลือช่วยในส่วนที่ไม่วิกฤติก่อนและละเลยส่วนที่วิกฤติ อันจะทำให้การช่วยนั้นเสียเปล่าและโอกาสรอดของผู้เจ็บป่วยลดหรือหายไปได้ แนวคิดในการให้อาสาสมัคร “ตรวจหา” ภาวะคุกคามต่อชีวิตนี้ไม่ปรากฏในคู่มือปฐมพยาบาลทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ
นพ.สมชาย กล่าวว่า สำหรับการอบรมในครั้งนี้ เป็นการจัดแนวทางปฏิบัติให้อาสาสมัครสามารถ “ตรวจหา” ภาวะคุกคามชีวิตได้ด้วยการตรวจแบบง่ายๆ ใช้เวลาที่สั้นมาก และสามารถแก้ไขภาวะวิกฤติของผู้ป่วยที่จัดลำดับให้ง่ายเพียง 5 ขั้นตอน จะทำให้อาสาสมัครมีความมั่นใจ และมีความรู้ความสามารถที่ติดตัวไปนาน
คู่มือกู้ชีพองค์รวมในเบื้องต้นจะแจกให้กับอาสาสมัครและประชาชนที่เข้าฝึกอบรมเพียงจำนวน 1,000 เล่ม และจะมีการเปิดอบรมให้กับภาคประชาชนต่อไป สำหรับผู้สนใจสามารถดาวน์โหลด “คู่มือกู้ชีพองค์รวมสำหรับอาสาสมัครและประชาชนทั่วไป” สามารถใช้ดูและพกพาในโทรศัพท์มือถือและแท็บแลต ได้ที่เพจของสมาคมเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี