สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา เพิ่งเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเมื่อคณะรัฐบาลทหารของกองทัพสหภาพเมียนมาได้ยินยอมให้นางออง ซาน ซู จี นักการเมืองหญิงชื่อดังที่เป็นพลเรือนได้อำนาจปกครองรัฐซึ่งเป็นบุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีอู อองซาน ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐเมียนมาหลังสิ้นสุดมหาสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2488 แต่อูอองซาน เองก็อยู่ในอำนาจได้ไม่นานก็ถูกลอบสังหารทำให้การเมืองในประเทศเกิดความวุ่นวายมาโดยตลอดเวลา 70 กว่าปี หลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร
ปัญหาที่เกิดในสหภาพเมียนมานั้นเกิดมานานหลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเพราะเมียนมาเป็นประเทศที่ประกอบด้วยหลายรัฐหลายเผ่าพันธุ์มานานนับพันๆปีเมียนมาประกอบด้วย 15 เขตปกครองแบ่งเป็นกรุงเนปิดอว์ นครหลวง, ย่างกุ้ง, อิรวดี, มัณฑะเลย์, ชะไกว์, พะโค, ทะวาย, กะฉิ่น, มอญ, กะเหรี่ยง, กะยา, ยะไข่, ชิน, ชาน, ตะนาวศรี มีประชากร 53.6 ล้านคน
เขตปกครองของเมียนมาทางรัฐบาลกลางเนปิดอว์ไม่สามารถปกครองได้ทั่วถึงอำนาจรัฐยังอยู่ในปากกระบอกปืนของทหารที่มีกำลังพลกว่า 450,000 คน ชนเผ่าต่างๆ มีกองทัพของตนเองเพียงแต่วางอาวุธชั่วคราวที่เกิดขึ้นได้เพราะการนำสนธิสัญญาเปียงหลวงที่เคยประชุมกันในสมัยหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2492 กลับมาใช้ใหม่มีการประกาศหยุดยิงเป็นการชั่วคราว
ส่วนปัญหาที่เกิดในรัฐยะไข่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับบังกลาเทศนั้น มีชนหมู่น้อยเป็นชาวโรฮีนจาที่นับถือมุสลิม 1.4 ล้านคน ประมาณร้อยละ 60 คือ 8 แสนคน อพยพหนีทหารพม่าเข้าไปอาศัยลี้ภัยในบังกลาเทศไม่ได้รับโอกาสจากพม่าให้กลับมาในรัฐยะไข่อีก พม่าหรือเมียนมาถือว่าโรฮีนจาไม่ใช่คนพม่าหรือประชากรเมียนมาเดิมเพราะเป็นลูกหาบชาวมุสลิมที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในรัฐยะไข่ของเมียนมา เมื่อกองทัพอังกฤษรุกรานพม่า 3 ครั้งในศตวรรษที่แล้ว
กองทัพอังกฤษที่รุกรานพม่ามีนายทหารอังกฤษและสก๊อตคุมกำลังไม่กี่ร้อยคน ทหารพลรบที่เข้ามามีอินเดีย, ทหารกูรข่าหรือเนปาล, ทหารซีปอยลทหารมุสลิมกลุ่มที่เป็นชาวปากีสถานกับชนมุสลิมลูกหาบเป็นพวกโรฮีนจา มีประมาณ 150,000 คน ถึง 200,000 คน โรฮีนจา ไม่ใช่พลเมืองเมียนมาเมื่ออังกฤษให้เอกราชพม่าก็ไม่เอาคนโรฮีนจากลับไปในอินเดียหรือบังกลาเทศกลับทิ้งเอาไว้ในรัฐยะไข่
เมียนมามีปัญหาการต่อสู้ระหว่างคนหมู่น้อยกับทหารเมียนมามานานเป็นสิบๆปีจนถึงทุกวันนี้คนพม่าไม่ยอมรับโรฮีนจาว่าเป็นพวกตนไม่ใช่เผ่ากะเหรี่ยง, กะยา, กะฉิ่น, ชิน, ชาน, ไทยใหญ่, ว้าแดง ฯลฯ จึงมีการผลักดันโรฮีนจาออกไปให้ได้ถึงขั้นสู้รบและฆ่ากันแบบล้างเผ่าพันธุ์โดยนางออง ซาน ซู จี ห้ามไม่ได้
ประการสำคัญคือประชากรที่เป็นเผ่าพม่าแท้ๆมีเพียงร้อยละ 45 ของประชากร 53.6 ล้านคน หรือ 24.12 ล้านคน น้อยกว่าชนเผ่าต่างๆ ที่มี 29.48 ล้านคนถ้าเมียนมาไม่ยอมการมีชนเผ่ารัฐบาลที่เนปิดอว์ก็อยู่ยากคนหมู่น้อยจึงมีปัญหาการหารายได้จากการค้ายาเสพติดและการค้าอาวุธสงครามนี่คือบทเรียนจากเมียนมาที่คนไทยต้องติดตามดูให้ดีๆด้วย
“ผมยืนยันว่าตั้งใจกลับมาทำงานการเมืองเพราะคิดถึงอนาคตประเทศ อนาคตพรรค มากกว่าอนาคตตัวเอง หากชนะการหยั่งเสียง ได้เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะฟื้นฟูสร้างรากฐานใหม่ให้กับพรรค โดยจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี