ก่อนหน้านี้ไป 6 เดือน สภาพการเมืองไทยปรากฏเค้าโครงเป็นสามก๊ก คือ ก๊กหนึ่งสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก๊กที่สองคือพรรคเพื่อไทย และก๊กที่สามคือพรรคประชาธิปัตย์
ครั้นวันเวลาผ่านไปการขับเคี่ยวทางการเมืองทั้งที่ลับและที่แจ้งได้ก่อให้เกิดความผันแปรเปลี่ยนแปลงขึ้นในทางการเมืองของประเทศ
ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้น ประชาชนจะได้ยินแต่คำกล่าวที่ว่า “ยังไม่แน่”, “ยังไม่ชัด”, “ยังไม่ถึงเวลา” ซึ่งล้วนแต่เป็นความไม่แน่นอนทั้งสิ้น แม้กระทั่งกำหนดเวลาการเลือกตั้งและกำหนดเวลานั้นก็เพิ่งชัดเจนเป็นปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เมื่อเร็วๆ นี้
ในท่ามกลางวิถีดำเนินแห่งเวลาดังกล่าว สถานการณ์ก็ผันแปรเปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนการเยื้องย่างแห่งอำนาจและการเมืองที่ขับเคลื่อนไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปหลายกระแสหมุนเวียนเปลี่ยนไป จนกระทั่งก่อเกิดเป็นสถานการณ์ใหม่
แม้กระนั้นก็ไม่พ้นไปจากสภาพสามก๊กการเมืองแต่ในภาพลักษณ์ใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำต้องบอกกล่าวเล่าขานให้ประชาชาติไทยทั้งหลายได้พิจารณาตั้งความสังเกตกัน
สามก๊กการเมืองไทยในสถานการณ์ใหม่ได้แก่
ก๊กแรก ยังคงเป็นก๊กที่สนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งและค่อยเปิดหน้าเปิดตาชัดเจนขึ้น ดังเช่นพรรคพลังประชารัฐและพรรคอื่นๆ ที่ประกาศตนอย่างชัดเจนตั้งขึ้นและดำเนินงานทางการเมืองเพื่อสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ก๊กที่สอง ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม และกลายเป็นก๊กที่ต่อต้านหรือไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลัก และมีพรรคย่อยๆ เกิดขึ้นอีกหลายพรรค ดังเช่น พรรคเพื่อธรรม พรรคอนาคตใหม่ และอื่นๆ เป็นต้น
พรรคใดก็ตามที่ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ล้วนสงเคราะห์ลงเป็นก๊กนี้ได้ทั้งสิ้น
ก๊กที่สาม ซึ่งก่อนหน้านี้มีความไม่ชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างไหน แม้จะมีข่าวคราวปรากฏเป็นระยะๆ ว่าแท้จริงก็คือกลุ่มผู้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มาถึงวันนี้กระบวนท่าลีลาที่เยื้องกรายนั้นสามารถจับท่าลีลาทางได้ว่าตั้งตนเป็นอีกขั้วการเมืองหนึ่ง ซึ่ง ณ เพลานี้กำลังวางตัวเป็นขั้วกลางอยู่ อันประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย เป็นต้น
และข่าวคราวที่ผุดๆ โผล่ๆ เป็นระยะๆ ก็คือการเข้าร่วมวงของนักการเมืองเก่าหลายกลุ่ม ดังเช่น กลุ่มสามมิตร กลุ่มนครปฐม หรือแม้แต่กลุ่มบ้านริมน้ำ เป็นต้น ทำให้เห็นเงาร่างของอดีต สส.และนักการเมืองเก่านับร้อยคนที่กำลังก่อตัวขึ้นในก๊กนี้
โดยเฉพาะซุ่มเสียงของนักการเมืองเก่าเหล่านั้นค่อยๆ แข็งกระด้างขึ้นตามวันเวลากำหนดการเลือกตั้งที่ลดเหลือน้อยลง คือมีลักษณะแปลกแยกกับการดำเนินงานของรัฐบาล คสช. ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นจึงก่อภาพเป็นก๊กที่สามขึ้นแทนที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพลักษณ์ปรากฏชัดเจนว่าเป็นก๊กการเมืองอีกก๊กหนึ่ง ซึ่งตั้งตนเป็นไทแก่ตนเอง และพร้อมที่จะช่วงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับก๊กอื่นๆ
แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก ที่สำคัญคือ
ประการแรก นักการเมืองของพรรคโดยเฉพาะนักการเมืองหน้าใหม่ที่พรรคประชาธิปัตย์สร้างและทำนุบำรุงมาประมาณ 7 ปี บางคนได้หันเหทิศทางย้ายขั้วย้ายก๊ก บ้างก็ไปสังกัดก๊กที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี บ้างก็ไปสังกัดในเครือข่ายก๊กพรรคเพื่อไทย
ประการที่สอง กำลังเผชิญหน้ากับกลยุทธ์ยึดพรรค ดังที่เป็นข่าวการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกันในขณะนี้ ซึ่งมิใช่เป็นการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคธรรมดาเหมือนในอดีต แต่เป็นการช่วงชิงพรรคประชาธิปัตย์กันอย่างเข้มข้น
หากพวกหนึ่งชนะก็จะยังคงตั้งตนเป็นไทแก่ตนเองอยู่ดังเดิมจะถือหลักและท่องบ่นคาถาของพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองเก่าแก่ ต้องยึดหลักการประชาธิปไตย จนแทบไม่ได้ยินเสียงราษฎร แต่ถ้าอีกพวกหนึ่งชนะก็หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนสีแปรธาตุกลายร่างเข้าสังกัดก๊กที่สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
แม้บางคนจะพูดจาคลุมเครือหรือบ่ายเบี่ยงประการใด แต่คนไทยไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา ดูกระบวนท่าลีลาที่เยื้องกรายและเส้นสายที่เชื่อมโยงก็ย่อมรู้ความจริงกระจ่าง ดังนั้นใครคิดว่าคนไทยโง่เขลาเบาปัญญาจะโกหกหลอกลวงประการใดก็ได้ ขอให้สำเหนียกไว้ว่านั่นเป็นการคิดผิดและเข้าใจผิด
เพราะคนไทยใน พ.ศ.นี้เป็นคนไทยที่ผ่านการต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาชาติบ้านเมือง เพื่อพิทักษ์รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างเด็ดเดี่ยวยืดเยื้อยาวนานได้เสียสละชีวิตและทรัพย์สินตลอดระยะเวลา 12 ปีมานี้มากมายสุดคณานับ จำนวนมากยังติดคุกติดตะราง ปล่อยให้ผู้ที่เหยียบย่ำซากศพและน้ำตาของประชาชนเสวยสุขกันอย่างครึกครื้น
ดังนั้นผลการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นจุดสำคัญของความผันแปรทางการเมืองครั้งสำคัญ โดยเฉพาะจะส่งผลต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างใหญ่หลวงว่าจะสามารถดำรงความเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นไทแก่ตนเองได้ต่อไป หรือว่าจะกลายเป็นพรรคเมืองขึ้น ซึ่งอนาคตอีกไม่นานก็จะได้รู้ได้เห็นกัน
สภาพสามก๊กทางการเมืองได้ปรากฏเค้าโครงให้เห็นเด่นชัดขึ้นทุกที การรุกรับและการคิดอ่านสร้างสรรค์กลยุทธ์เพื่อช่วงชิงใจทางการเมืองกำลังเกิดขึ้นอย่างล้ำลึก
แต่ที่แน่ชัดประการหนึ่งก็คือ กลยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากกระบวนการซื้อสิทธิ์ขายเสียงรูปแบบเก่าๆ ที่พัฒนามาจากการแจกปลาทูเมื่อ 50 ปีก่อน มาเป็นการจ่ายเงินซื้อเสียง และการให้คำมั่นสัญญาผลประโยชน์ตอบแทนโดยทางนโยบายกำลังจะล้าสมัยไปหมดแล้ว
ชัยชนะในการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ และล่าสุดคือชัยชนะในการเลือกตั้งของ มหาเธร์ โมฮัมหมัด แห่งมาเลเซีย ที่แรกเริ่มก็เป็นรองหลายขุม แม้กระทั่งถึงก่อนวันเลือกตั้งเพียงไม่กี่วันทุกผลโพลล์ก็ตกเป็นฝ่ายปราชัย จนไม่มีทางที่จะคิดเห็นว่าจะสามารถช่วงชิงชัยชนะได้เลย
ครั้นผลการเลือกตั้งปรากฏกลับพลิกล็อกถล่มทลาย ที่พ่ายแพ้ก็กลับกลายเป็นชนะชนิดขาดลอย ชัยชนะนั้นได้มาก็เพราะกลยุทธ์ในการหาเสียงเลือกตั้งแบบใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงประชาชาติอย่างกว้างขวางที่สุดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้เลย และสิ่งนั้นก็กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
การช่วงชิงการเข้าถึงประชาชาติไทยทั่วประเทศกำลังเกิดขึ้นอย่างคึกคักโดยที่ไม่มีกำแพงใดปิดกั้นได้ แม้อภินิหารทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการหาเสียงโดยโซเชียลมีเดีย ก็ไม่มีวันจะขวางกั้นการใช้โซเชียลมีเดียได้โดยเด็ดขาด
ความตื่นตัวของประชาชนไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18-25 ปี นับสิบล้านคนที่มีแนวความคิดไปในทิศทางเกือบจะเหมือนกันกว่าร้อยละ 74 ในขณะที่ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีก 2 ใน 3 จะถูกเฉลี่ยไปลงคะแนนให้แก่พรรคต่างๆ และกำลังตกเป็นเป้าแห่งการช่วงชิงในแนวรบที่สอง
ดังนั้นสิ่งที่น่าระทึกใจในการเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และน่าติดตามจับตาอย่างยิ่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี