หลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศเรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561-2580) ความยาว 74 หน้า ก็มีทั้งเสียงสนับสนุนและวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
บ้างก็ว่าดี ประเทศไทยพัฒนาสะเปะสะปะ ซ้ายทีขวาที ไม่มีความต่อเนื่อง จะได้ก้าวหน้าต่อเนื่อง
บ้างก็ว่า เป็นการตีตรวนประเทศชาติ รัฐบาลต่อไปขยับอะไรไม่ได้แล้วต่อไปนี้
วาดภาพจนน่ากลัว ราวกับประเทศชาติจะย่อยยับอับปาง หากทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฯลฯ
1. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์ชาติฉบับแรกของประเทศไทยที่ทุกส่วนจะต้องนำไปปฏิบัติ เพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
อยากให้สื่อและประชาชนไปศึกษาทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปที่มีความเชื่อมโยงกัน โดย 5 ปีแรกนับจากนี้สำคัญที่สุด รัฐบาลหน้าจะต้องทำตามกรอบนี้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ โดยยืนยันว่าไม่ได้มุ่งหวังสืบทอดอำนาจแต่อย่างใด
“ยุทธศาสตร์ชาติจะเป็นแผนแม่บทของกระทรวงต่างๆ เพื่อให้มีทิศทางที่ชัดเจน ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม มีการประเมินผลโดยรายงานผ่านรัฐบาลไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะแก้ไขอย่างไร ทุกอย่างจะต้องตอบสนองความยั่งยืนของประเทศ เช่น การบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางเชื่อมระหว่างเมือง เป็นต้น โดยสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน คือ คนไทยทุกคนจะได้รับการพัฒนาทุกด้านทุกช่วงวัย ให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และมีส่วนร่วมกับภาครัฐ...”
2. ฟังดูแล้ว ก็พยายามพลิกอ่านเนื้อหาที่อยู่ในราชกิจจานุเบกษาเอง
เพราะจะรอฟังคนออกความเห็น ปรากฏว่า บางคนให้สัมภาษณ์สื่อ ก็ขึ้นต้นว่า ยังไม่ได้อ่านนะ แต่พูดแสดงความเห็นว่ามันดีหรือไม่ดีได้เป็นต่อยหอย... อัศจรรรย์ไหมล่ะ
ดูแล้วก็พบว่า ยุทธศาสตร์ชาติเป็นกรอบแนวทาง มิใช่นโยบายข้อบังคับที่กำหนดตายตัว ว่าใครมาเป็นรัฐบาลจะต้องออกมาตรการ
1-2-3-4-5-6
ส่วนวิธีการในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร มาตรการใด เพื่อให้บรรลุผลตามยุทธศาสตร์ชาตินั้น เป็นโจทย์ให้พรรคการเมืองและคนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลไปสรรหาแนวทางที่ดีที่สุด เหมาะที่สุด มานำเสนอต่อประชาชนก่อนนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
แต่จะไปทำอะไรที่ไปกันคนละทิศทางกับยุทธศาสตร์ชาติไม่ได้
เห็นว่า มันเป็นการวางมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการทำงานบริหารบ้านเมือง ยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น ไม่ใช่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลแล้วจะทำอะไรก็ทำได้ โดยอ้างแค่ว่ามาจากคะแนนเสียงของประชาชน
นักการเมือง พรรคการเมือง จะต้องทำงานหนักขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น
มิฉะนั้น ประเทศชาติก็จะติดกับดักวงจรผลาญเงินหลวงตามรอบการเลือกตั้ง เอานโยบายหาเสียงมาติดสินบน เสมือนประมูลอำนาจรัฐผ่านการออกนโยบายซื้อคะแนนเสียงจากประชาชนกันเป็นรอบๆ เกทับบลัฟกันไปเรื่อยๆ แทนที่จะแข่งขันในเชิงคุณภาพนโยบาย
3. ยกตัวอย่าง ในแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ประกาศในราชกิจจาฯ
ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน พบว่า มีการนำเสนอทิศทางที่จะสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในภาคเศรษฐกิจด้านต่างๆ เช่น
การเกษตรสร้างมูลค่า... ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้เล่นสําคัญด้านการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรในเวทีโลกด้วยพื้นฐานทางพืชเกษตรเขตร้อน และมีข้อได้เปรียบด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่สามารถพัฒนาต่อยอดโครงสร้างธุรกิจการเกษตรด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นเกษตรคุณภาพสูงและขับเคลื่อนการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่ให้ความสําคัญกับการเพิ่มผลิตภาพการผลิตทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า และความหลากหลายของสินค้าเกษตร เพื่อรักษาฐานรายได้เดิมและสร้างฐานอนาคตใหม่ที่สร้างรายได้สูง ทั้งเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรแปรรูป และเกษตรอัจฉริยะ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น
เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น...ส่งเสริมการนําอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยมาเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตร รวมทั้งสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์โดยส่งเสริมการนําอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยมาใช้ในการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์การเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เป็นสินค้าเกษตรชนิดใหม่ ให้รองรับความต้องการของตลาดยุคใหม่ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น และสร้างจุดเด่น ความแตกต่างของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกันในประเทศต่างๆ ได้พร้อมทั้งส่งเสริมการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีในการพัฒนากระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์เพื่อให้มีสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นออกสู่ตลาดสม่ำเสมอ รวมถึงสินค้าเกษตรนอกฤดูกาล การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งระดับในประเทศและต่างประเทศ การส่งเสริมการขึ้นทะเบียนรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์การส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้าของเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และการสร้างความต้องการของสินค้าด้วยการสร้างเรื่องราวของสินค้าให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในคุณภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ไทยและสินค้า
ที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และพืชผลเกษตรและผลไม้เขตร้อนอื่นๆ สู่ตลาดโลก
เกษตรปลอดภัย... สร้างความตระหนักแก่ผู้ผลิตและผู้บริโภคทั่วโลกในเรื่องความสําคัญของมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร จูงใจและวางกรอบให้เกษตรกรและผู้ผลิตทําการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับมาตรฐาน และเข้าสู่ระบบมาตรฐานการจัดการคุณภาพทางการเกษตรที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งให้ความรู้เกษตรกรด้านกระบวนการผลิตตามมาตรฐานสากลเพื่อมุ่งสู่การเลิกใช้สารเคมีในภาคเกษตร การเพิ่มพื้นที่และปริมาณการผลิตเกษตรอินทรีย์ในระยะต่อไป โดยส่งเสริมการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกรในการทําเกษตรปลอดสาร และเปลี่ยนผ่านไปสู่การทําเกษตรอินทรีย์ตลอดจนสนับสนุนกลไกทางการตลาดแก่เกษตรกรที่ต้องการทําการเกษตรอินทรีย์ การพัฒนาระบบการตรวจรับรองคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทย รวมถึงระบบตรวจสอบย้อนกลับ สําหรับการตรวจสอบที่มาของสินค้าในทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นี่แค่บางส่วน บางตอน นอกจากนี้แล้ว เอาแค่ด้านการเกษตรยังมีอีกหลายมิติ หลายด้าน
อ่านๆ ดู แล้ว ในฐานะประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศคิดอย่างไร?
มันน่ากลัวตรงไหน?
ดูแล้ว ไม่ได้กลัวหากใครจะทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ
กลัวแต่ว่า จะไม่มีใครยอมทำตามแผนยุทธศาสตร์ชาติมากกว่า
4. ยังไม่นับประเด็นยุทธศาสตร์ด้านพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ที่กำหนดเรื่องการป้องกันปราบปรามการทุจริตไว้ชุดใหญ่ บางตอนระบุว่า
ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทุกภาคส่วนร่วมต่อต้านการทุจริต ภาครัฐมีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในทุกระดับ โดยเฉพาะการสร้างวัฒนธรรมแยกแยะประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมของบุคลากรภาครัฐให้เกิดขึ้น รวมทั้งสร้างจิตสํานึกและค่านิยมให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวและละอายต่อการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ พร้อมทั้ง ส่งเสริม สนับสนุน ให้ภาคีองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ชุมชน ประชาชน และภาคีต่างๆ มีส่วนร่วมในการสอดส่อง เฝ้าระวัง ให้ข้อมูล แจ้งเบาะแสการทุจริต และตรวจสอบการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ และภาคส่วนอื่นๆ โดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ
“การปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบมีประสิทธิภาพมีความเด็ดขาด เป็นธรรม และตรวจสอบได้จัดการกับผู้กระทําความผิดทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกระดับอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม และตรวจสอบได้พร้อมทั้งให้การดําเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ปราศจากการแทรกแซงของนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตลอดจนวางมาตรการคุ้มครองพยานและผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ต้องกําหนดให้มีการลงโทษผู้กระทําผิดกรณีทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและรวดเร็ว”
5. เชิญชวนให้คนไทย ลองอ่านดู พิจารณาดูด้วยตนเอง
อย่าเพิ่งเชื่อตาม “เขาว่า” โดยคนที่ว่านั้น ก็ยังไม่ได้อ่านเลย
จะเห็นว่าบางเรื่อง หากพรรคการเมืองออกนโยบายรายละเอียดออกมาแข่งกันว่าจะทำอย่างไร จะตอบโจทย์ประเทศชาติตามแผนยุทธศาสตร์อย่างไร คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือ ประเทศชาติและประชาชน
แต่ถ้าการเมืองแบบเก่าๆ คิดแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า เอาแค่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คงคิดแต่จะซื้อเสียงผ่านนโยบายลดแลกแจกแถมกันไปวันๆ เท่านั้นเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี