ตำรวจเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ประชาชนหวังจะได้พึ่งพาอาศัย ปัดเป่าภัยพาล
แต่ตำรวจ ก็เป็นอาชีพที่มีมิจฉาชนแฝงเข้ามาสวมเครื่องแบบอยู่ไม่น้อย
1. ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) เปิดเผยผลการสำรวจ “ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” สำรวจระหว่างวันที่ 8 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2561
ปรากฏผลสำรวจว่า ประเภทคดีที่มีปัญหาการเรียกรับสินบนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมากที่สุด 5 อันดับ ตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่
คดีจราจร/การขนส่ง ร้อยละ 86.92
คดียาเสพติด ร้อยละ 84.69
คดีค้าของเถื่อน/ของผิดกฎหมาย ร้อยละ 82.37
คดีทะเลาะวิวาท/ทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 79.64
และคดีล่วงละเมิดทางเพศ ร้อยละ 76.66
ประเด็นเมื่อเปรียบเทียบระหว่างนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา กับนายตำรวจชั้นผู้น้อย กับการมีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบน ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.05 มีความคิดเห็นว่า
นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชามีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนได้มากกว่า, ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 19.04 มีความคิดเห็นว่านายตำรวจชั้นผู้น้อยมีส่วนทำให้เกิดปัญหาได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 50.91 ระบุว่านายตำรวจทั้งสองกลุ่มมีส่วนทำให้เกิดปัญหาเท่าๆ กัน
ประเด็นมุมมองต่อปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่ หรือคิดเป็นร้อยละ 76.24 มีความคิดเห็นว่าพฤติกรรมของประชาชนที่ชอบเสนอสินน้ำใจ/ค่าน้ำร้อนน้ำชามีส่วนทำให้เกิดปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.94 ไม่เชื่อว่าตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่ไม่รู้เห็นกับพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย
ประเด็นต่อการแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.6 เห็นด้วยที่จะมีการกำหนดบทลงโทษนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาที่ปล่อยปละละเลยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชามีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบน
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 70.61 มีความคิดเห็นว่าหากมีการกำหนดให้ผู้ที่มีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนต้องรับโทษประหารชีวิตจะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลดลงไปได้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 72.52 มีความคิดเห็นว่าหากมีการสั่งพักราชการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมทุจริตเรียกรับสินบนทันทีโดยไม่ได้รับเงินเดือน แทนการย้ายออกนอกพื้นที่ในระหว่างการสอบสวน จะมีส่วนช่วยแก้ปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ลดลงไปได้
กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 47.35 มีความคิดเห็นว่าปัญหาการทุจริตเรียกรับสินบนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สามารถแก้ไขให้หมดไปจากสังคมไทยภายในช่วงเวลายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 38.49 มีความคิดเห็นว่าจะสามารถแก้ไขให้หมดไปได้ภายในช่วงยุทธศาสตร์ 20 ปี
2. แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี กำหนดที่จะเดินตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ
หนึ่งในนั้น ก็คือแผนการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม
ปรากฏว่า มีหลายส่วนระบุเจาะจงถึงเนื้อหาที่จะพัฒนากิจการตำรวจอยู่ด้วย เช่น
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษ ณ สถานีตำรวจแห่งใดก็ได้ เพื่อป้องกันการปฏิเสธไม่รับแจ้งความและกรณีมีผู้เสียหายหลายคนพนักงานสอบสวนสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อรวมคดีกันได้
กำหนดให้มีกฎเกณฑ์หรือระเบียบกำหนดหน้าที่ของพนักงานสอบสวนให้ต้องแจ้งขั้นตอนดำเนินการและกรอบระยะเวลาสิ้นสุดในการดำเนินการในชั้นสอบสวน และสิทธิหรือหน้าที่ของผู้เสียหายและผู้ต้องหา รวมทั้งอายุความสำหรับคดีแต่ละประเภท ให้ผู้เสียหายและผู้ต้องหาทราบตั้งแต่โอกาสแรก ตลอดจนให้คำแนะนำการร้องทุกข์ความผิดต่อส่วนตัว โดย
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดตั้งศูนย์ติดตามข้อมูลคดีอาญาในชั้นสอบสวนเพื่อให้ประชาชนติดตามความคืบหน้าคดี ร้องเรียน หรือร้องขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าว ตลอดจนส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาของพนักงานสอบสวนติดตามผลการดำเนินการ และแจ้งผลให้ประชาชนทราบ โดยให้ภาคประชาชนร่วมเป็นองค์ประกอบของศูนย์นี้ด้วย โดย
สร้างระเบียบการบริหารงานบุคคลเพื่อป้องกันการแทรกแซงหรือครอบงำการใช้ดุลยพินิจในการทำสำนวนของพนักงานสอบสวนจากข้าราชการตำรวจฝ่ายบริหารการควบคุม ตรวจสอบ เร่งรัดสำนวน จะต้องกระทำโดยผู้บังคับบัญชาในสายงานของพนักงานสอบสวนเท่านั้น โดยแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ และกฎ ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับแผนปฏิรูปของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ง (4) ด้วย ฯลฯ
ทั้งหมด เป็นแนวทางที่ดี ควรกระทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง
แต่ก็ยังไม่ใช่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ที่ควรจะต้องมีการ
กระจายอำนาจตำรวจออกไปจากส่วนกลาง และเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมมากขึ้น
3. จะเห็นได้ว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปนั้น มากันเป็นองคาพยพ สอดประสาน
รัฐธรรมนูญ – แผนยุทธศาสตร์ชาติ – แผนการปฏิรูปประเทศ
แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเสมือนพาหนะ หรือเครื่องมือ
คนที่จะเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศ จะต้องมีจิตสำนึกที่จะปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริงด้วย มิใช่มุ่งหวังแต่เฉพาะผลประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้าของตนเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี