วันนี้เป็นวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2561 เป็นวันปิยมหาราช เป็นวันน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหาราชเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของประชาชาติไทย ซึ่งแม้ว่าพระองค์จะเสด็จสวรรคตเป็นเวลาช้านานแล้ว แต่อนุสรณ์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้างไว้แก่บ้านเมืองยังคงดำรงอยู่เป็นส่วนใหญ่และบังเกิดเป็นอาณาประโยชน์ยิ่งแก่ประเทศชาติและประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นในวันนี้จึงสมควรพรรณนาพระปัญญาทัศน์และพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหาราชเจ้าพระองค์นี้ทรงสร้าง พระราชทาน และทรงริเริ่ม
ไว้ให้แก่ประเทศไทยของเรา
แม้นว่าท่านผู้ใดจะมีความสนใจมากกว่านี้ ย่อมสมควรที่จะติดตามศึกษาได้โดยตรงจากราชกิจจานุเบกษาตลอดรัชกาลนั้น ซึ่งในการจัดพิมพ์ยังได้รวบรวมเอาราชกิจจานุเบกษาบางส่วนในสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 มาตีพิมพ์รวมไว้ด้วย จักเป็นทางแห่งความเจริญความรู้และสติปัญญาสืบไป
พระราชกรณียกิจสำคัญที่ทรงบำเพ็ญไว้ในสยามประเทศนี้เป็นอเนกอนันต์นัก จักนำมาพรรณนาเฉพาะที่เห็นว่าสำคัญที่สุดภายใต้เนื้อที่อันจำกัดนี้ดังต่อไปนี้
ประการแรก ทรงประกาศยุทธศาสตร์ชาติอย่างชัดเจนในการพัฒนาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับชาติอื่นๆ โดยมีสองแนวทางคือ
แนวทางแรก การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
แนวทางที่สอง การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการที่เป็นเลิศเลื่องชื่อลือชาในด้านการท่องเที่ยว
ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติทั้งสองประการนี้ ประเทศไทยจึงเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในยุคนั้น เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง เป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค ค่าเงินบาทเป็นสากล และมีมูลค่า 1 บาทเท่ากับ 2 ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ
ประการที่สอง ทรงริเริ่มสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศชาติและประชาชน โดยพระบรม ราโชบายพระราชทานโฉนดที่ดินแก่ราษฎร ทำให้ผืนแผ่นดินที่ไม่มีราคากลับมีราคาที่ตีค่าเป็นเงินและเป็นรากฐานแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยได้ นับแต่ทรงริเริ่มไว้ถึงบัดนี้ได้มีการออกโฉนดและเอกสารสิทธิแก่ประชาชนแล้วถึง 1 ใน 3 ของผืนแผ่นดินประเทศไทย อันเป็นที่ตั้งแห่งความมั่งคั่งของประเทศอยู่ในขณะนี้
ประการที่สาม ทรงเปิดเสรีทางการค้าและจัดระบบภาษีให้เป็นสากล ยกเลิกการผูกขาดการส่งออกสินค้าเกษตร เปิดให้ส่งออกได้โดยเสรี ทำให้เกษตรกรขายผลิตผลได้ในราคาดี ไม่ต้องมีโควตาผูกขาดบ้าๆ บอๆ ดังที่บิดเบือนกันในปัจจุบันนี้
ประการที่สี่ ทรงประกาศยุทธศาสตร์รถไฟ ที่ให้ใช้รถไฟเป็นหลักของการคมนาคมทางบก และหลังจากนั้นประมาณ 70 ปี ประธาน เหมา เจ๋อ ตุงก็ได้เชิญพระราโชบายนี้ประกาศใช้กับประเทศจีนในฐานะเป็นนโยบายสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งถ้าหากพระบรมราโชบายนี้ยังดำรงอยู่ ประเทศไทยก็คงไม่ล้นไปด้วยรถยนต์ ประชาชนก็ไม่ต้องเป็นหนี้สินนับสิบล้านล้านบาท ประเทศชาติก็ไม่ต้องมีรายจ่ายนำเข้าน้ำมันมาเผาผลาญกันเล่นบนท้องถนน
ประการที่ห้า ทรงปฏิรูปการปกครอง ให้กระทรวง ทบวง กรม เป็นราชการส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ เป็นราชการส่วนภูมิภาค และมีสุขาภิบาลเป็นราชการส่วนท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถปกครองบริหารท้องถิ่นได้ตามความปรารถนาของตน ซึ่งถ้าหากพระบรมราโชบายข้อนี้ดำเนินมาต่อเนื่อง ขณะนี้ประเทศไทยจะมีระบบการปกครองท้องถิ่นที่เจริญและก้าวหน้าที่สุดของโลก
ประการที่หก ทรงปฏิรูปกองทัพให้เป็นกองทัพแบบแผน แบบทันสมัย และเป็นรากฐานอันมั่นคงให้กับกองทัพไทยในปัจจุบันนี้
ประการที่เจ็ด ทรงปฏิวัติการต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดและล้ำยุคล้ำสมัยเพราะในช่วงนั้นบรรดาประเทศทั้งหลายในเอเชียกลัวฝรั่ง ไม่รู้จักฝรั่ง ประมุขพูดฝรั่งไม่ได้ แต่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์เพียงพระองค์เดียวของเอเชียที่พูดฝรั่งได้ รู้จักและเข้าใจฝรั่ง กระทั่งผูกมิตรไมตรีกับประมุขของหลายประเทศในยุโรป เป็นแบบอย่างของการมีวิเทโศบายที่เลิศล้ำให้กับบ้านเมือง และทำให้สยามเป็นชาติเดียวที่รอดพ้นจากการล่าอาณานิคม
ประการที่แปด ทรงปฏิรูประบบการเงินการคลังของประเทศ ทำให้เงินบาทเป็นเงินสากลที่ใช้กันทั่วทั้งภูมิภาค และมีภาษาต่างๆ ลงพิมพ์ในธนบัตรไทยด้วย ทรงแยกงานการคลังออกจากงานการเงิน และแยกส่วนของรัฐกับส่วนของพระมหากษัตริย์ออกจากกัน เป็นการวางรากฐานทางการเงินการคลังที่สำคัญที่สุดของประเทศ
ประการที่เก้า ทรงเลิกทาส ทรงทำคนไทยให้เป็นไท และทำให้ราษฎรทั้งประเทศเป็นกำลังแผ่นดินในการพัฒนาประเทศชาติให้จำเริญรุ่งเรือง
ประการที่สิบ ทรงปฏิรูปด้านการศึกษา เปิดโอกาสให้ราษฎรทั้งหลายได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนเช่นเดียวกับเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งหลาย เป็นการเริ่มต้นสร้างภูมิปัญญาให้กับประชาชนซึ่งเป็นรากฐานของการสร้างชาติที่สำคัญยิ่ง
บารมีพระมากพ้น รำพัน ที่แม้วันเวลาผ่านไปช้านานแล้ว แต่บรรดาอนุสรณ์ทั้งหลายของพระองค์ยังคงตรึงอยู่ในความสำนึกของอาณาประชาราษฎร์จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี