“ทนายยิ่งลักษณ์” โวย “บิ๊กตู่” ให้ข้อมูลเท็จจงใจใส่ร้ายคดีจำนำข้าวจ่อฟ้องพลเอกประยุทธ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่งทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผยว่ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จำนำข้าวทำชาติเสียหาย 8 แสนล้านบาทนั้น เป็นการให้ข้อมูลเท็จ หวังผลในทางการเมือง และจงใจใส่ร้ายรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ทราบว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2560 นั้นไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าจำนำข้าวทำชาติเสียหาย 8 แสนล้านบาทนอกจากนี้ทราบว่ากระทรวงการคลังได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ปี 2559 ว่าโครงการรับจำนำข้าวในส่วนของเงินกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ปี 2559 มีวงเงิน 489,767.45 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายในกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
นายนรวิชญ์ยังเผยอีกว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะเป็นผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ดำเนินคดีกับพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีที่เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนปี 2557 นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เผยว่า การปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว15 โครงการ ตั้งแต่ปี 2547 ถึง 2556 ซึ่งเป็นการปิดบัญชีถึงวันที่ 22 พ.ค. ปี 2557 นั้น
มีการรับซื้อข้าวเปลือกเข้าโครงการรวม 8.5 ล้านตันใช้เงินดำเนินการ 1.1 ล้านล้านบาท และมีผลขาดทุน 6.82 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นผลขาดทุนใน 11 โครงการแรก ช่วงก่อนรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 1.63 แสนล้านบาท และผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท ใน 4 โครงการหลังในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อีกจำนวน 5.19แสนล้านบาท
การปิดบัญชีพบว่าการจำนำข้าวทั้ง 15 โครงการ มีรายได้ 3.7 แสนล้านบาทแต่มีรายจ่าย 1.05 ล้านล้านบาท โดยการปิดบัญชีในครั้งนี้ใช้การตีราคาตามราคาตลาดข้าวขาว 5% ที่ราคา 1.17 หมื่นบาทต่อตัน โดยปัจจุบันยังมีข้าวเหลือตามบัญชี จำนวน 19.2 ล้านตัน หากคิดตามราคาตลาดข้าวที่เหลือดังกล่าวจะมีมูลค่าอยู่ที่ 2.25 แสนล้านบาท ผลขาดทุนจำนำข้าวที่เกิดขึ้น ได้รวมค่าบริหารจัดการค่าดอกเบี้ย และค่าเสื่อม ซึ่งมีการคิดในปีแรกที่ 10% ปีที่สอง 20% ปีที่สาม30% และปีที่สี่ 40% โดยจะคิดค่าเสื่อมแค่ 4 ปีเท่านั้น โดยผลขาดทุนที่ปิดล่าสุดมีขาดทุนจากค่าเสื่อมอยู่ที่3.3 หมื่นล้านบาท
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก 5 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติต่อหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิเคราะห์คือ มีหนังสือเตือนจากองค์กรอิสระกับหน่วยงานรัฐเช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, กระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ได้ระบุถึงปัญหาความไม่ชอบมาพากล การแทรกแซงตลาดข้าว และการทุจริต
ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า โครงการจำนำข้าวแม้คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานคณะกรรมการ ได้ออกมาตรการป้องกันการทุจริตแล้ว แต่ละขั้นตอนของการดำเนินการในฝ่ายปฏิบัติ ยังเกิดปัญหาการทุจริตทุกขั้นตอนของงบประมาณแผ่นดินจำนวนมาก
คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว สรุปภาระหนี้รวม 3 รอบบัญชี คือ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2555 ขาดทุน 3.2 หมื่นล้านบาทเศษใช้เงินไป 1.1 แสนล้านบาทเศษ ยอดหนี้คงค้าง 1.1 แสนล้านบาทเศษ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 ขาดทุน 2.2 แสนล้านบาทเศษใช้เงินไป 5.9 แสนล้านบาทเศษ ยอดหนี้คงค้าง 4.4 แสนล้านบาทเศษ เมื่อวันที่ 31พ.ค. 2557 ขาดทุน 3.2 แสนล้านบาทเศษ ใช้เงินไป 5.6 แสนล้านบาทเศษ ยอดหนี้คงค้าง4.7 แสนล้านบาทเศษ พบว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการใช้เงินงบประมาณ 5 ฤดูกาลผลิตเป็นวงเงิน 8.7 แสนล้านบาทเศษ
เท่ากับว่า โครงการรับจำนำข้าวทั้ง5 ฤดูกาล มียอดเกินกรอบวงเงินงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นที่ 5แสนล้านบาท กระทรวงการคลัง 4.1 แสนล้านบาทและกู้ยืมเงิน ธ.ก.ส. โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันอีก 9 หมื่นล้านบาท
น.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อสู้ในชั้นศาลว่ารายงานของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีไม่ได้รายงานปริมาณข้าวในคลังเหลือ 9.8 ล้านตันทำให้ตัวเลขคลาดเคลื่อน แต่ศาลฎีกาชี้ว่านโยบายดังกล่าวขาดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมีการทุจริตเกิดขึ้นในทุกขั้นตอน แม้ว่าบางขั้นตอนอยู่ในฝ่ายปฏิบัติก็ตาม
ขณะเดียวกันศาลฎีกาได้ชี้ให้เห็นว่า คณะกรรมการนโยบายข้าว ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ติดตามนโยบายรับจำนำข้าวขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินโครงการ รวมความว่ารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีไม่ได้ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งๆ ที่มีการเตือนแล้วจากหลายหน่วยงาน ศาลฎีกาจึงได้พิพากษาว่านายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ผิดจึงได้กำหนดโทษจำคุกไว้ 5 ปีดังกล่าว
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี